อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ “ร้านขายข้าวแกง” อยากขายต้องทำอย่างไร?

อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ “ร้านขายข้าวแกง”
อยากขายต้องทำอย่างไร?

อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ นี่ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะส่วนมากคนทำงานออฟฟิศมักมีจำนวนมาก ส่งผลให้โอกาสในการขายมากตามไปด้วย เราจะสังเกตเห็นช่วงเวลาพักเที่ยง พวกร้านขายของย่านออฟฟิศทั้งหลายมีพนักงานห้อยป้ายมารุมมาตุ้มอยู่ตามร้านมากมาย โดยเฉพาะร้านขายข้าว ซึ่งร้านข้าวแกงก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่น้อยจากพนักงานออฟฟิศเหล่านั้น

ข้อแนะนำอาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ ร้านขายข้าวแกง

สำหรับข้อแนะนำวันนี้เพื่อคนที่อยากเปิดร้านขายข้าวแกง อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ ซึ่งทำเลจำเป็นอย่างมาก ที่ดีที่สุดต้องไม่ให้พนักงานในออฟฟิศเดินไกลจนเกินไป หากอยู่ในตึกเดียวกันได้เลยยิ่งดี แต่ถ้าหากในกรณีที่ตึกนั้นไม่ได้เปิดให้เช่าพื้นที่ ร้านข้าวแกงร้านนั้นจะต้องไม่อยู่ห่างจากออฟฟิศเกิน 500 เมตรจะดีที่สุด อนุโลมให้ไกลสุดได้แค่ 800 เมตร เพราะมีบางร้านอยู่ในซอยข้างออฟฟิศ ที่อาจต้องเดินสักหน่อย แต่ก็ไม่ควร 800 เมตร

นอกจากระยะทางแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย เริ่มต้นที่ 6 โมงกว่าๆ โดยประมาณไปจนถึงบ่ายสองหรือบ่ายสามก็ควรเก็บร้านได้แล้ว เพราะหลังจากพ้นเที่ยงไปพนักงานออฟฟิศจะไม่ต้องการซื้อข้าวแกงทานแล้วอย่างแน่นอน

ในส่วนของน้ำดื่ม หากเป็นร้านข้าวแกงควรมีกระติกน้ำไว้สัก 1-2 กระติกใหญ่ๆ เก็บร้อนเก็บเย็น มีแก้วพลาสติกหรือแก้วแสตนเลสไว้บริการ มีถังน้ำแข็ง 1 ถึง ให้ลูกค้าสามารถบริการตัวเอง พร้อมหลอดพลาสติก และทางที่ดีควรบริการน้ำดื่มฟรี

ทำเลของร้านข้าวขายแกง อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ

ทำเลที่เหมาสะสมหากคิดจะเปิดร้านข้าวแกง ให้ตรงคอนเซปต์อาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ ซึ่งก็มีความหลากหลายในเรื่องของรูปแบบอยู่ นอกเหนือไปจากระยะทาง ได้แก่

1.เช่าที่ในตึก

รูปแรกเหมาะสมที่สุดสำหรับอาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ ฉบับร้านข้าวแกง ความจริงแล้วทำเลนี้ดีสำหรับทุกสินค้าเลยก็ว่าได้ เพราะคนในออฟฟิศส่วนมากไม่ชอบเดินไปไหนไกล แถมยังต้องรักษาเวลา หากภายในตึกออฟฟิศเองเปิดให้เช่าที่หรือมีศูนย์อาหารในตัว ร้านข้าวแกงทั้งหลายควรจับจองไว้จะดีที่สุด

รายละเอียดการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านข้าวแกง

1.ก่อนอื่นต้องติดต่อทางศูนย์อาหารของอาคารนั้นๆ ก่อน เริ่มต้นจากการค้นหาข้อมูลติดต่ออาคารนั้น เพื่อติดต่อเรื่องในจุดประสงค์ของตัวเองต่อไป อาจโทรไปที่เบอร์กลางของอาคารก่อน แล้วจึงสอบถามถึงการเช่าพื้นที่ว่าต้องติดต่ออย่างไรต่อไป ขอรายละเอียดพื้นที่ว่าง ค่าเช่า เงื่อนไข หรือขั้นตอนการดำเนินการว่าต้องทำอย่าง ติดต่อที่ไหน เดินทางไปที่ไหน เตรียมเอกสารอะไรบ้าง เป็นต้น

2.หากได้พื้นที่เช่าแล้ว การเช่าที่ในศูนย์อาหาร สิ่งที่ต้อวงมีคือ คู่กระจก ถาดใส่อาหาร จาน ชาม ช้อน ส้อม สำหรับบริการ แต่จะไม่มีในส่วนของโต๊ะนั่งทานอาหาร เพราะทางศูนย์จะมีให้อยู่แล้ว

3.การลงทุนจะไปอยู่ในส่วนของอุปกรณ์ ถาด ตู้กระจก ทัพพี จาน ชาม ช้อน ส้อม วัตถุดิบในการทำ นอกจากนี้ก็จะมีในเรื่องของค่าเช่าที่ภายในศูนย์อาหาร ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับทำเล หากเป็นออฟฟิศใหญ่ในเมืองก็ราคาสูง แต่ถ้าหากเป็นออฟฟิศชานเมือง และมีขนาดเล็ก จำนวนพนักงานไม่มากเท่าไร ค่าเช่าก็จะถูกลงมา นอกจากนี้จะจะมีค่าน้ำและค่าไฟ

2.เช่าที่ในตลาดนัดข้างออฟฟิศ

อีกหนึ่งทำเลน่าสนใจก็คือ ตลาดนัดข้างออฟฟิศหรือตลาดนัดหน้าออฟฟิศ เพราะเป็นแหล่งรวมพลคนออฟฟิศเวลาพักเที่ยง หากต้องหามื้อกลางวันทาน และคนจะเยอะมากๆ โอกาสขายสินค้าได้มีสูง จึงแนะนำให้ทำเลที่ว่านี้เป็นตัวเลือกที่สำคัญ สำหรับเงื่อนไขโดยรวมจาการสำรวจเบื้องต้นหลายแห่งไม่มีการจองล่วงหน้า เป็นการจองแบบวันต่อวัน แต่บางแห่งมีการจ่ายล่วงหน้า 1 เดือน ค่าเช่าโดยประมาณหากเป็นรายวันอยู่ที่ 200 – 500 บาท หากเป็นรายเดือนอยู่ที่ 6,000 – 15,000 บาทโดยประมาณ ช่วงเวลาทำการของตลาดนัดข้างออฟฟิศ 7:30-14:00 น.

รายละเอียดการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านข้าวแกง

1.ต้องติดต่อทางตลาดนัดก่อนถึงรายละเอียดพื้นที่ว่าง บางแห่งข้อมูลติดต่อของตลาดนัดมีอยู่ในเฟสบุ๊คหรือเว็บไซต์ของตลาด (กรณีที่มีเฟสหรือเว็บ) หรือไม่ก็สามารถหาได้ตามเว็บไซต์ที่เป็นไกด์นำทางให้พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ โดยการค้นหาข้อมูลติดต่อแล้วตามด้วยชื่อตลาดนัดนั้น หรือเดินทางไปติดต่อที่ตลาดนัดโดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละแห่งซึ่งมีความแตกต่างกัน ค่าเช่าโดยประมาณหากเป็นรายวันอยู่ที่ 200 – 500 บาท หากเป็นรายเดือนอยู่ที่ 6,000 – 15,000 บาท ช่วงเวลาทำการของตลาดนัดข้างออฟฟิศ 7:30-14:00 น.

2. ตลาดนัดส่วนมากมักจะมีโต๊ะนั่งรองรับเอาไว้ให้ด้วย คล้ายกับศูนย์อาหาร ทางร้านจึงต้องเตรียมจาน ชาม หรือกล่องโฟมเอาไว้ด้วย แต่ถ้าหากตลาดนัดนั้นไม่ได้มีโต๊ะนั่งรองรับ ก็อาจเตรียมไว้เพียงกล่องโฟมอย่างเดียว ไว้สำหรับซื้อกลับไปทานบนออฟฟิศ
3. การลงทุนจะไปอยู่ในส่วนของอุปกรณ์ ถาด ตู้กระจก ทัพพี จาน ชาม ช้อน ส้อม วัตถุดิบในการทำ นอกจากนี้ก็จะมีในเรื่องของค่าเช่าที่ภายในตลาดนัด ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงเกือบหมื่นขึ้นอยู่กับทำเล หากเป็นย่านออฟฟิศใหญ่ในเมืองก็ราคาสูง แต่ถ้าหากเป็นย่านออฟฟิศชานเมือง และมีขนาดเล็ก จำนวนพนักงานไม่มากเท่าไร ค่าเช่าก็จะถูกลงมา นอกจากนี้จะจะมีค่าน้ำและค่าไฟ

3.เช่าห้องแถวย่านออฟฟิศ หรือในซอยข้างออฟฟิศ

มีอีกหนึ่งรูปอบบของร้านข้าวแกงย่านออฟฟิศก็คือการเปิดห้องแถวใกล้ๆ หรือเปิดห้องแถวในซอยข้างๆ ออฟฟิศเอง ทำเป็นร้านข้าวแกง มีโต๊ะนั่งเรียบร้อย ซึ่งกอาจต้องลงทุนเยอะหน่อย แล้วแต่ขนาดของร้าน การลงทุนสำหรับทำเลนี้ค่อนข้างสูงมากหากเทียบกับสองทำเลข้างต้น เพราะต้องรับภาระในส่วนของโต๊ะนั่งทานอาหารเอง

รายละเอียดการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านข้าวแกง

1.สามารถติดต่อเจ้าของห้องแถวนั้นได้โดยตรงหากทางห้องแถวเปิดให้เช่าพื้นที่ เพื่อรับทราบรายละเอียด หรือหากมีห้องแถวของตัวเองอยู่แล้วก็จะง่ายหน่อย

2.ต้นทุนของการเปิดร้านลักษณะนี้นอกจากภาชนะบรรจุอาหาร ตู้กระจก และอื่นๆ ตามที่ทำเลสองข้างต้นมีแล้ว ยังต้องเพิ่มเติมในส่วนของโต๊ะนั่งรองรับลูกค้าที่เข้ามานั่งทาน เริ่มต้นจำนวนโต๊ะนั่งที่ 3 ชุดขึ้นไป แนะนำให้ใช้เป็นเก้าอี้พลาสติกง่ายๆ ไม่ต้องสวยงามมากนัก เข้ากับธีมร้านข้าวแกงข้างออฟฟิศ เพราะลูกค้าตั้งใจเข้ามาทานอาหารแบบเร่งด่วน ไม่ได้มากินบรรยากาศอะไร แต่ไม่เน้นความสะอาดไว้เป็นเรื่องสำคัญ

3.นอกจากนั้นก็จะมีในเรื่องของค่าเช่าที่ พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ แต่แนะนำว่าพัดลมน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะคนเข้ามานั่งระยะสั้น ต้นทุนค่าน้ำค่าไฟจะสูงกว่าทำเลสองข้อข้างต้น

4.เพื่อให้ประหยัดต้นทุนในการตกแต่งร้าน แนะนำให้เลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐานรองรับการนั่งทานอาหาร ไม่ทรุดโทรมหรือเก่า ชำรุดเสียหาย ควรมีความพร้อมที่จะสามารถนำโต๊ะมาวาง นำตู้กับข้างมาตั้ง แล้วเปิดร้านได้เลย

5.ค่าเช่าที่จะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับทำเลเช่นกัน ในเมืองอัตราค่าเช่าสูง ชานเมืองต่ำลงมา

ร้านข้าวแกงรถเข็น ลงทุนน้อย ตอบโจทย์ลูกค้า

อีกหนึ่งรูปแบบสำหรับอาชีพทำเงิน ขายของกินข้างออฟฟิศ ร้านข้าวแกงก็คือประเภทรถเข็น ซึ่งจะลงทุนน้อยกว่าการเช่าร้าน รูปแบบนี้มีเพียงรถเข็นหนึ่งคัน ถาดวางอาหารสักประมาณ 5-6 ถาด ส่วนอาหารก็ประมาณ 5-6 อย่างพอ ตักใส่กล่องโฟมหรือถาดโฟม รวมถึงใส่ถุงมัดปาก ก็สามารถเป็นเจ้าของร้านข้าวแกงได้แล้ว ลงทุนต่ำแต่กำไรสูงไม่แพ้รูปแบบร้านอื่นๆ เลย  ลงทุนโดยประมาณ รถเข็นราคา 2,000 – 5,000 บาท ส่วนค่าอุปกรณ์อยู่ที่ 2,000 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของรถเข็น และจำนวนอุปกรณ์ด้วย ส่วนค่าวัตถุดิบไม่เกิน 2,000 บาทโดยประมาณ ทั้งนี้โดยรวมการลงทุนจะอยู่ที่  10,000 – 20,000 บาท

นอกจากรถเข็น ก็ยังมีอีกหนึ่งรูปแบบแนะนำ คือการ “เช่าร้านข้างตึก” เดี๋ยวนี้เราจะเห็นอาคารบางอาคารมีพื้นที่ว่างเป็นซอกเล็กๆ ก็จะแบ่งให้เช่า สามารถวางโต๊ะได้ 3-4 โต๊ะ ก็เปิดเป็นร้านข้าวแกงได้เช่นกัน มีตู่กระจกหนึ่งใบ กับถาดอาหาร 5-6 ถาด ก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แถมมีโต๊ะนั่งรองรับลูกค้าแบบลงตัว ในการลงทุนที่ไม่ต้องสูงมาก