ไอเดียธุรกิจ Eco Design “กระเป๋ายางรถยนต์” แบรนด์ไทยดังไกลระดับสากล“The ReMaker”

ไอเดียธุรกิจ Eco Design “กระเป๋ายางรถยนต์” แบรนด์ไทย
ดังไกลระดับสากล“The ReMaker”

การสร้างความแตกต่างในธุรกิจ เป็นสิ่งที่จะทำให้สินค้าหรือบริการนั้นๆมีความโดดเด่น แปลกใหม่ในสายตาของผู้บริโภค มักจะได้รับความสนใจอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการทุกรายจะสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ต่างต้องฝ่าฟันแก้ไขอุปสรรครอบด้านที่เกิดขึ้นมาเพื่อทดสอบความอดทน ยึดมั่นภายในจิตใจ อย่างไอเดียธุรกิจกระเป๋ายางรถยนต์ “The ReMaker” เป็นแบรนด์แรกๆที่บุกเบิกการทำชิ้นงานจากวัสดุเหลือใช้เมื่อ 10 ปีก่อน ต้องต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย จนประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ

“คุณยุทธนา อโนทัยสินทวี” เจ้าของไอเดียธุรกิจกระเป๋ายางรถยนต์ แบรนด์ “The ReMaker”(เดอะ รีเมกเกอร์) เป็นผู้ที่มีความสนใจในเรื่องการออกแบบอยู่แล้ว โอกาสแรกในการก้าวสู่ธุรกิจนี้ เป็นช่วงที่ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของประเทศฝรั่งเศส ได้รู้จักลูกค้าชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เกี่ยวกับการนำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบเป็นชิ้นงานใหม่ๆ เพื่อนชาวญี่ปุ่นจึงได้แนะนำให้ไปเสนอไอเดียธุรกิจนี้ที่ประเทศของเขา ซึ่งชิ้นงานที่นำเสนอในครั้งแรกที่บริษัทแฟชั่นของญี่ปุ่นจะเป็นพวกแอคเซสเซอรี่ของเสื้อผ้า เช่น เข็มกลัด ตัวปักตกแต่งอักษร เป็นงานแฮนด์เมดของตนเองทั้งหมด มีอุปกรณ์คือเข็มกับด้ายเท่านั้น ปรากฏว่าไอเดียที่นำเสนอไปผ่านทั้งหมด มีออเดอร์การผลิตเข้ามาทันที

 

ซึ่งเป็นพวกเข็มกลัด ของตกแต่งเสื้อทหาร อย่างละ 100-200 ชิ้น ซึ่งจะเป็นการออกแบบแต่ละชิ้นงานไม่เหมือนกัน มีชิ้นเดียวในโลก หลังจากนั้นก็เริ่มมีออเดอร์ใหม่จากบริษัทเดิมเข้ามา เช่น กางเกงมาทำเป็นหมวก ,เสื้อมาทำเป็นกระโปรง ,หรือเอาเสื้อทหารมาเป็นเสื้อผู้หญิง ทั้งหมดนี้ทำอยู่คนเดียวประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มมีการจ้างพนักงานเข้ามาช่วยในการผลิตมากถึง 30 คน เพื่อรองรับงานตามความต้องการของลูกค้า ส่งได้ทันเวลาที่กำหนด เมื่อมีจำนวนพนักงานที่เพียงพอแล้ว ก็เริ่มแตกไลน์ไอเดียไปเรื่อยๆ มีการตัดเย็บ ซื้อจักรเย็บผ้าเข้ามาช่วยในการผลิตชิ้นงาน ทั้งหมดนี้ทำอยู่ประมาณ 2 ปีโดยที่ยังไม่มีการตั้งชื่อแบรนด์ธุรกิจเป็นของตนเอง

จุดที่พลิกผันครั้งใหญ่ในการทำธุรกิจนี้ เป็นช่วงที่บริษัทแฟชั่นที่ญี่ปุ่นต้องยกเลิกกิจการไป รวมทั้งเลิกจ้างตนเองด้วย เนื่องจากสู้คู่แข่งทางการตลาดที่ขายสินค้าเหมือนกัน รูปแบบเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่า จึงทำให้เป็นปัญหาที่หนักที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะมีพนักงานที่ต้องคอยดูอีก 30 ชีวิต แต่ก็ไม่เคยคิดยอมแพ้คิดหาวิธีแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ โดยการตั้งชื่อแบรนด์เป็นของตัวเอง ใช้ชื่อว่า“The ReMaker” เริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด หาลูกค้ารายใหม่ๆเอง ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาพอสมควร ช่วงที่ไม่มีลูกค้าก็ต้องช่วยเหลือกันเอง ไม่คิดทิ้งพนักงานอย่างเด็ดขาด กลุ่มลูกค้าทางแบรนด์จะไม่เน้นรายใหญ่เหมือนแต่ก่อน เป็นการเล็กผสมน้อย สร้างฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงได้มากอีกด้วย

ไอเดียธุรกิจนี้ เป็นการพูดถึงกรีนโปรดักส์ ที่มีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เป็น Eco Design เอาวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจำพวกเสื้อผ้ามือสอง ยางรถยนต์ ป้ายไวนิล มาสร้างเป็นผลงาน ซึ่งโปรดักส์ส่วนใหญ่ของทางแบรนด์ประมาณ 90% เป็นกระเป๋า เพราะต้องเปลี่ยนจากความคิดเดิมที่ออกแนวหลุดโลกเยอะ เพื่อให้มีลูกค้าเสพชิ้นงานของแบรนด์มากขึ้น วัสดุที่นำมาใช้มีทั้งกางเกงยีนส์เก่า ยางในรถยนต์ ยางในรถจักรยาน และป้ายไวนิล ซึ่งจะมีแหล่งซื้อวัสดุอยู่แล้ว เช่นร้านมอเตอร์ไซค์ ,ท่าเรือ ,ร้านขายกางเกงมือสอง ,โรงหนัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละเดือนก็จะตระเวนรับซื้อวัสดุครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนี้มีต้นทุนไม่เยอะ สามารถนำมาสร้างเป็นชิ้นงานกระเป๋าได้อย่างคุ้มค่า

 

การทำกระเป๋าแต่ละใบนั้นต้องใช้พนักงานจำนวนมาก เพราะมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่นำยางมาล้างทำความสะอาด ใช้ผงซักฟอดขัดประมาณ 3 ครั้ง หรือจนกว่าสัมผัสกับเสื้อผ้าแล้วสีของยางไม่เปื้อนติดเสื้อ จึงนำไปตากแดด แล้วนำมาตัดเป็นท่อกลมๆแผ่ออกเป็น 2 ชิ้นเพื่อนำมาตัดเส้นแบบที่ต้องการ ขั้นตอนทั้งหมดนี้เพื่อลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทำให้ลูกค้าเมื่อเห็นแล้วคิดว่านี่คือเครื่องหนังชนิดหนึ่ง เท่านั้น ด้านการเย็บยางต้องใช้เครื่องจักรสำหรับเย็บยางเท่านั้น เพราะยางจะมีความหนืดมาก กว่าจะได้จักรตามที่ต้องการก็มีการลองผิดลองถูกอยู่หลายรอบ ความยากต่อมาเป้นการนำวัสดุที่มีความแตกต่างทั้งรูปร่างหน้าตามาทำให้อยู่ในรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดบนกระเป๋า1 ใบ ต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในแพทเทิร์นที่เท่ากัน ใช้มือตัดทีละชิ้นแล้วก็นำมาวางจนกว่าจะได้มุมที่ดูดี พยายามใช้วัสดุทุกอย่างให้คุ้มค่ามากที่สุด อย่างเศษกางเกงยีนส์ เศษผ้า นำมาอัดเป็นวัสดุทดแทนไม้ เรียกว่า “การ์เมนโด้ บอร์ด” ราคาขายสินค้าทั้งหมดในแบรนด์ เริ่มต้นที่ราคาไม่ถึงร้อยจนถึงหลักพันบาท

ในช่วงแรกที่ขายในเมืองไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ยังได้การตอบรับที่ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะลูกค้าไม่เข้าใจในคอนเซ็ปท์ของสินค้า อีกทั้งมีคำถามและเสียงดูถูกเต็มไปหมด ว่าจะไม่รอด คนในครอบครัวต่างไม่เห็นด้วย เพราะมองไม่เห็นทางที่จะสำเร็จได้ แต่ตนเองก็ไม่เคยย่อท้อ มุ่งมั่นเพราะเชื่อมั่นในงานที่ทำว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่เหมือนใคร จึงได้หันไปเจาะกลุ่มตลาดต่างประเทศ แถบยุโรปตอนเหนือ ชาวสแกนดิเนเวีย เป็นแถบที่ได้รับผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก ไม่ต้องสื่อสารเยอะ รวมทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ยินดีจ่ายเงินอีกด้วย ต่อมาได้เริ่มขยายตลาดมาทวีปเอเชียรวมทั้งในประเทศ ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของแบรนด์ในฝั่งยุโรปทำให้ตีตลาดในแถบเอเชียและเมืองไทยได้อย่างสวยงาม มีลูกค้าชื่นชอบผลงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แต่ในอนาคตวางแผนไว้ว่าอยากมีช็อปทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ

นอกจากจะมีไอเดียธุรกิจที่รักสิ่งแวดล้อมจนได้รับการยอมรับจากลูกค้าแล้ว ยังมีรางวัลการันตีจากสถาบันต่างๆมากมาย

-งานออกแบบเฟอร์นิจอร์จากยางรถยนต์กับกางเกงยีนส์ ที่ประเทศเกาหลี เมื่อปี 2008
-รางวัลสุดยอดนวัตกรรมแห่งปีและนวัตกรรมยอดเยี่ยม ปี 2009 ในประเทศไทย
-รางวัล Best Material Award ที่นิวยอร์ก ปี 2010
-รางวัลเอสเอ็มอีตีแตก PM Award ในประเทศไทย

อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างชาติติดต่อเข้ามา เพื่อนำวัสดุไปให้สถาปนิก หรือคนที่เรียนออกแบบนำไปคิดต่อ ซึ่งงานทั้งหมดของแบรนด์จะอยู่ในห้องสมุดโลกที่อเมริกา เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติให้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ จากสมเด็จพระเทพฯ ในสาขาการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยรัตนโกสินทร์อีกด้วย

 

ข้อมูลติดต่อกระเป๋ายางรถยนต์“The ReMaker”
Facebook : https://www.facebook.com/TheReMaker
อีเมลล์ : yuttanaa@triple-pim.com , theramakerbyyuttana@gmail.com

http://www.youtube.com/watch?v=Q3f5wum54MU