ขายกระเป๋า ธุรกิจดารา “จ๊ะจ๋า” ธุรกิจกระเป๋าแบรนด์“PIP” บนอินสตราแกรม

ในปัจจุบัน นักร้อง นักแสดงมากมายก็ต่างหันมาหยิบจับทำธุรกิจเป็นของตนเอง เพราะด้วยเศรษฐกิจในปัจจุบันของไทยนั้นมีความไม่แน่ไม่นอน ใครเห็นว่ามีช่องทางการทำธุรกิจก็ต่างหยิบจับมาค้าขายกัน อย่างเช่นกับสาวสวยอย่าง “จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม ” ที่หันมาเริ่มทำธุรกิจของตนเองด้วยการขายกระเป๋า ซึ่งเข้ากับลุกกับตนเองที่มีความน่ารัก สดใส อย่างแบรนด์ “PIP” กระเป๋าแบรนเนมจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งลวดลายนั้นเป็นผ้าพิมพ์ลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้นำมาขายในอินสตราแกรมทำรายได้ในเดือนเดียวได้ถึง 300,000 บาท กระเป๋าแบรนด์เนมจากประเทศเนเธอร์แลนด์มีชื่อว่า Pip Studio ซึ่งเป็นกระเป๋าที่มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูปแบบที่น่ารักและสดใสและด้วยการชื่นชอบอย่างสาว “จ๊ะจ๋า” จึงได้คิดที่จะนำมาสร้างรายได้ให้คุณแม่ที่พึ่งเกษียณจากงานมาในตอนแรกของการคิดที่จะทำธุรกิจนั้น “จ๊ะจ๋า” ได้มองในสินค้าหลายๆอย่างๆ เช่น เครื่องสำอางและอาหารเสริม แต่คิดว่าในบ้านเรามีดารานักแสดงทำกันมากอยู่แล้วจึงได้แนวคิดที่จะขายกระเป๋า “ pip “ เพราะด้วยยังไม่ค่อยมีใครนำมาจำหน่ายในไทยและราคานั้นก็ไม่ได้แพงจนเกินไป

ด้วยกระเป๋านั้นมีความน่ารักสดใสและเป็นผ้าพิมพ์ลาย ลวดลายของกระเป๋าแต่ละใบนั้นจึงมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละใบ ทำให้กระเป๋านั้นไม่ดูเป็นเหมือนกระเป๋าโหลและราคาขายกระเป๋าเฉลี่ย อยู่ที่ราคาเพียง 1,500 บาท – 5,500 บาท ซึ่งราคาไม่ได้แพงจนเกินไปถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ โดยการขายกระเป๋านั้น “จ๊ะจ๋า” ก็ได้เลือกขายเหมือนดาราทั่วไปคือ อินสตราแกรม และยอดขายกระเป๋าในเดือนแรกนั้นยอดขายถึง 3 แสนบาท ด้วยการตลาดของ “จ๊ะจ๋า” ที่ได้เข้าถึงตัวลูกค้าโดยตอบทุกคำถามเพื่อที่ลูกค้าจะได้เชื่อใจในคุณภาพของสินค้า และด้วย “จ๊ะจ๋า” นั้นก็รู้เรื่องของกระเป๋าดีอยู่แล้ว ซึ่งถ้าจะทำยอดขายกระเป๋าได้ดีก็คงควรจะคุยกับลูกค้าด้วยตัวเอง โดยแล้วยอดขายส่วนหนึ่งนั้นมาจากแฟนคลับและคนที่ชื่นชอบ“จ๊ะจ๋า” เป็นส่วนใหญ่ซึ่งกระเป๋านั้นเป็นงานกึ่งแฮนด์เมดจึงทำให้มีรูปแบบที่ชัดเจนไม่เหมือนใครและตัวของ “จ๊ะจ๋า” เองนั้นก็คิดว่าทุกคนน่าจะชอบ

“จ๊ะจ๋า” ยังได้มองไปถึงอนาคตว่า “ แบรนด์ Pip Studio” ว่าน่าจะมีอนาคตเพราะมีขายทั่วโลกและเป็นการขายกระเป๋าที่ไม่ได้ใช้เงินทุนมากน่าจะเป็นที่สนใจสำหรับคนที่ยังมองหาเรื่องลงทุน นอกจากขายในอินสตาแกรมแล้ว “จ๊ะจ๋า” ก็จะมีการแนะนำสินค้าเมื่อมีการออกบูทตามงานแสดงสินค้า และ “จ๊ะจ๋า” ก็คิดที่จะทำแบรนด์กระเป๋าเป็นของตนเอง เพราะมีข้อได้เปรียบที่การเป็นนักแสดงจึงน่าจะทำให้คนรู้จักสินค้านั้นและขายกระเป๋าได้ไม่ยาก