ธุรกิจขายของมือสอง เป็นหนึ่งธุรกิจที่กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการขายของมือสองของตนเองที่มีอยู่ หรือหาซื้อสินค้ามือสองมาขาย นอกจากนี้หากนำสินค้ามือสองเหล่านี้มาดัดแปลงและนำออกขายบนพื้นที่ออนไลน์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เพิ่มมูลค่าสินค้าได้เป็นอย่างดี
1. Kaidee.com
แหล่งขายของมือสองออนไลน์ยอดฮิตที่ติด 1 ใน 10 เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในไทย หลายคนอาจจะสับสนเพราะว่าเว็บนี้มีหลายชื่อ ตั้งแต่ Dealfish จนถึง OLX แต่จริง ๆ ก็คือเว็บไซต์เดียวกัน ถ้าหากคุณอยากขาย ก็โพสต์ขายได้ฟรี เพียงใส่รูปสินค้า กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แค่นี้ก็โพสต์ลงขายได้แล้ว
2. Pantipmarket.com
ตลาดพันทิปที่หลายคนคุ้นเคย เปิดโอกาสให้ทุกคนลงประกาศขายของได้ฟรี มีครบทุกหมวดหมู่สินค้าบนโลก และยังแยกพื้นที่เป็นจังหวัดเพื่อความสะดวกในการรับส่งสินค้าของผู้ขายและผู้ซื้ออีกด้วย
3. Kapook.com
ตลาดกระปุกดอทคอม อีกหนึ่งพื้นที่ขายของมือสองออนไลน์ ที่มาภายใต้คอนเซปต์ “ซื้อง่าย ขายคล่อง ของเพียบ” ที่ให้ลงประกาศขายของได้ฟรีเช่นกัน ความโดดเด่นของตลาดกระปุกคือ แคตตาล็อกบนหน้าเว็บไซต์มีความสวยงาม ข้อมูลสินค้าก็หาดูได้ง่าย
4. Instagram
อินสตาแกรมก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่หลายคนเลือกใช้เป็นพื้นที่ขายของมือสอง ทั้งของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของตกแต่งกระจุกกระจิกมากมาย โดยสามารถติด Hashtag เพื่อจัดหมวดหมู่และกระจายรูปสินค้าของคุณไปยังคนที่สนใจได้ แถมยังสามารถติดต่อซื้อขายผ่านคอมเมนต์ได้โดยตรง นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างแอคเคาท์ที่เป็นร้านค้าโดยเฉพาะเพื่อยึดทำเป็นธุรกิจเสริมไปเลยก็ได้
5. Facebook
เฟสบุ๊คของตัวเองนี่แหละ เป็นพื้นที่ขายของที่ง่ายที่สุด มีพื้นที่โฆษณาส่วนตัว จะลงรูปเยอะแค่ไหนก็ได้ ข้อมูลจะยาวเท่าไหร่ก็ได้ หลัก ๆ แล้วเริ่มต้นจากเพื่อขายให้กับคนรู้จักโดยเฉพาะ จึงสามารถไว้ใจซึ่งกันและกันได้ทั้งคนขายและคนซื้อ แต่ในปัจจุบัน คุณอาจจะเปิดอีกแอคเคานต์หนึ่งไว้สำหรับเป็นร้านค้าโดยเฉพาะก็ทำได้ จะได้แยกระหว่างธุรกิจกับชีวิตส่วนตัว หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่ปัจจุบันจะมีกลุ่มขายสินค้ามือสอง คุณอาจจะเข้าไปร่วมกลุ่มเพื่อขายสินค้าของคุณก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน
»» จริง ๆ แล้ว เว็บไซต์ขายของมือสองแต่ละเว็บไซต์ก็มีความคล้ายคลึงกัน อย่าง kaidee.com, pantipmarket และ kapook.com เป็นเว็บไซต์ขายของแบบเปิด คนซื้อ คนขาย ทุกรูปแบบ ทุกประเภทสินค้ารวมกันอยู่ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ประเภทนี้จึงเหมาะกับสินค้าที่ต้องการขายด่วน หรือสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องคุยรายละเอียดในตัวสินค้ากันมาก เช่น เสื้อผ้า ที่เห็นรูปแล้วสามารถตัดสินใจซื้อได้เลยหลังจากมีการสอบถามเกี่ยวกับสภาพของสินค้าเล็กน้อย
ส่วน Facebook และ Instagram เหมาะกับสินค้าประเภทที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือของทั้งคนซื้อและคนขายก่อนตัดสินใจซื้อ และเป็นสินค้าที่ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อ เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป เป็นต้น
สมมติว่า คุณมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่อยากขาย ถ้าคุณต้องการขายด่วน ก็ควรไปเลือกลงประกาศขายในเว็บไซต์ขายของมือสองทั่วไปเพราะมีคนซื้อจำนวนมากจากทั่วประเทศ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ความน่าเชื่อถืออาจมีน้อยกว่าการลงขายใน Facebook หรือ Instagram ส่วนตัว เพราะคุณสามารถขายให้กับคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว อีกทั้งคนซื้อก็ยังตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานของสินค้าที่คุณต้องการขายได้ และสามารถสอบถามรายละเอียดของสินค้าได้แบบลึกซึ้งอีกด้วย ลองเลือกความต้องการของคุณให้ดีก่อนลงขายเพื่อที่จะขายของมือสองได้แบบง่ายและสบายใจที่สุด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง – Krungsri Society