ขายจักรยาน “พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล” เปลี่ยนความชอบเป็นรายได้ กลยุทธ์จัดทริปปั่น

ขายจักรยาน “พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล”
เปลี่ยนความชอบเป็นรายได้ กลยุทธ์จัดทริปปั่น

การขี่จักรยานเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศไทยในไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ทำให้สังคมนักปั่นจักรยานของไทยนั้นไม่ใหญ่มาก ร้านขายจักรยานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะยังมีน้อยราย ส่วนใหญ่มักมีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าแผนกกีฬาซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักปั่นได้ดีเพียงพอ เพราะจักรยานนั้นมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นจักรยานเสือหมอบ เสือภูเขา ไฮบริดฟิกซ์เกียร์ ฯลฯ ด้วยความชอบและหลงใหลในจักรยานทำให้ผู้ขายจักรยานรายใหญ่ของประเทศไทย “พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล” มองเห็นโอกาสทางธุรกิจและพัฒนากิจการจนมียอดขายกว่าร้อยล้านบาทในปัจจุบัน

กรรมการผู้จัดการบริษัท พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คือ “คุณบาส-นพปฎล พิริยะกุล” ในอดีตเคยเป็นนักปั่นจักรยานแชมป์ประเทศไทย เขามีความหลงใหลการขี่จักรยานมากจึงตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อที่ยุโรปเพราะที่นั่นคนนิยมปั่นจักรยานมากกว่าประเทศไทย ทำให้สังคมนักปั่นค่อนข้างใหญ่ ร้านขายจักรยานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องก็มีจำนวนมาก จากการได้สัมผัสบรรยากาศการปั่นจักรยานในเบลเยี่ยม เขาสังเกตได้ว่าของทุกชิ้นที่คนเบลเยี่ยมใช้นั้นมีคุณภาพมากซึ่งหาได้ยากในประเทศไทย หากนำเข้าสินค้าเหล่านี้ไปประเทศไทยจะสามารถสร้างรายได้ได้ไม่น้อย

หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยด้วยวัยเพียง 19 ปี ซึ่งขณะนั้นยังไม่สำเร็จการศึกษาจากเบลเยี่ยม เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่าโอกาสที่เขามองเห็นนั้นจะสามารถทำให้สำเร็จได้ โดยเขาจะเป็นตัวแทนขายจักรยานแบรนด์ยุโรป และได้เปิดบริษัท พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนลขึ้นโดยใช้เงินเก็บทั้งหมดของตนเองและเงินบางส่วนจากครอบครัว แน่นอนว่าในช่วงแรกของธุรกิจจะผ่านไปด้วยความลำบาก เขาเริ่มต้นจากการเช่าพื้นที่ขนากเล็กราคา 3,000 บาท แต่ทำเลไม่ดีมากจึงตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ

ในช่วงแรกเป็นช่วงที่ต้องประหยัดให้มากที่สุด ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เขาจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างภายในร้านเพียงคนเดียว ทั้งขนของ ส่งของ นักบัญชี พนักงานขาย ฯลฯ สินค้าชนิดแรกที่นำมาขายคือหมวกจักรยานที่ผลิตมาเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของคนเอเชียโดยเฉพาะ ช่วงนี้ยังไม่มีลูกค้ามาที่ร้านมากนักเขาจึงเดินสายฝากขายสินค้าตามร้านขายจักรยานหรืออุปกรณ์กีฬา แต่คนส่วนใหญ่ไม่รับพิจารณาสินค้าของเขา เพราะอายุที่น้อยและเป็นแบรนด์ใหม่ ยังไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ

ต่อมาเมื่อตัดสินใจนำเข้าจักรยานเขายังมีอุปสรรคเดิมคือ อายุที่น้อยเกินไปและไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเขาต้องพิสูจน์ให้เจ้าของแบรนด์รู้ว่าเขานั้นมีความรู้ในสินค้าที่จะขายอย่าถ่องแท้ (Deep Skill) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการทุกคนควรมี เพราถ้าแม้แต่เจ้าของร้านยังไม่รู้จักสินค้าตนเอง แล้วพนักงานในร้านจะสามารถขายสินค้าให้ลูกค้าอย่างดีได้อย่างไร เขาอาศัยประสบการณ์ในช่วงที่เป็นนักปั่นจักรยานแชมป์ประเทศไทย ทำให้เกิดการตกลงทางธุรกิจมาต่อเนื่อง

ร้านขายจักรยานพิริยะฯดำเนินกิจการมากว่า 6 ปีได้ประสบปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนที่ค่อนข้างตึงมือ เขาจึงกู้เงินธนาคารเป็นจำนวน 10 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในระบบ ผลประโยชน์ที่ได้จากการกู้เงินในครั้งแสดงให้เห็นว่าการกู้เงินสามารถสร้างประโยชน์ให้ได้มหาศาลถ้ารู้จักบริหารจัดการ เพราะเขาสามารถขยายสาขาที่ 2 ในเวลา 2 ปีต่อมา สามารถนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้หลายแบรนด์มากขึ้นจากเดิม 10 แบรนด์เป็น 21 แบรนด์ ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้สามารถกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้จาก 40 ล้านบาทเป็น 65 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่นานนัก

จุดแข็งของร้านขายจักรยานพิริยะฯ คือมีการสานสัมพันธ์กับลูกค้าปลายทางเสมอ ทางร้านได้มีการจัดทริปปั่นจักรยานกับลูกค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้ของลุกค้าในแบรนด์พิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล และสร้างกระแสการบอกต่อปากต่อปาก และจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งคือ ความใส่ใจในการบริการ เพราะพนักงานของทางร้านต้องชอบปั่นจักรยานเช่นกัน ก่อนทำงานจะได้รับการอบรมอย่างเข้มข้นถึง 5 วัน เพื่อให้สามารถตอบคำถามและแนะนำสินค้าให้แก่ลูกค้าได้อย่างตรงจุด

ข้อมูลติดต่อขายจักรยานพิริยะ อินเตอร์เนชั่นแนล
ที่ตั้ง : 48/62,63 ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
เว็ปไซต์: www.piriya-international.com
Facebook :Piriya International
E-mail :info@piriya-international.com
เบอร์โทรศัพท์ : 087-6731331, 085-6611923

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น