ขายน้ำอัดลม ด้วยเงิน 1,000 บาท แนะนำเทคนิคพร้อมวิธีขายอย่างมืออาชีพ

ขายน้ำอัดลม ด้วยเงิน 1,000 บาท แนะนำเทคนิคพร้อมวิธีขายอย่างมืออาชีพ

ขายน้ำอัดลมแบบแบ่งขาย อีกหนึ่งอาชีพที่สามารถก่อตั้งได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังใช้เงินทุนไม่มากนัก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมาก ขั้นตอนไม่ซับซ้อนยุ่งยาก เพียงแค่ซื้อน้ำอัดลมขวดลิตรมาเทแบ่งขายเป็นแก้ว ก็สามารถสร้างกำไรได้อย่างเหลือเชื่อ ครั้งนี้เป็นการนำเสนอวิธีการขายน้ำอัดลมด้วยเงินทุนเพียง 1,000 บาท มาดูกันว่าทุนเท่านี้ สามารถซื้ออะไรได้บ้าง และสามารถสร้างกำไรจากการขายน้ำอัดลมได้เท่าไร

ขายน้ำอัดลม ลงทุน 1,000 บาท ซื้ออะไรได้บ้าง

– น้ำอัดลม ขนาด 2 ลิตร แพ็ค 6 ขวด 210 บาท (โดยประมาณ)
– น้ำอัดลม 1.5 ลิตร ราคาขวดละ 26 บาท
– น้ำแข็งกระสอบละ 30 บาท
– แก้วพลาสติกใสขนาด 16 ออนซ์ 50 ใบ ราคา 270 บาท
– แก้วพลาสติกใสขนาด 7 ออนซ์ 100 ใบ ราคา 48 บาท
– หลอดแพ็ค 100 หลอด ราคา 75 บาท

สรุป ในเงิน 1,000 บาท หากขายแก้วเล็ก 7 ออนซ์ สามารถซื้อ…

– น้ำอัดลมได้ 2 แพ็ค กับอีก 10 ขวด เท่ากับ 680 บาท
– น้ำแข็ง 3 กระสอบ 90 บาท
– แก้วพลาสติก 7 ออนซ์ 100 ใบ 48 บาท
– หลอด 100 หลอด 75 บาท
– รวม 893 บาท

หากขายแก้วใหญ่ 16 ออนซ์ สามารถซื้อ…

– น้ำอัดลมได้ 1 โหล กับอีก 10 ขวด เท่ากับ 470 บาท
– น้ำแข็ง 3 กระสอบ 90 บาท
– แก้วพลาสติก 16 ออนซ์ 50 ใบ 270 บาท
– หลอด 100 หลอด 75 บาท
– รวม 905 บาท

หลักการในการเลือกน้ำอัดลม

หากคิดจะเปิดร้านขายน้ำอัดลมแบบแบ่งขาย การซื้อยกโหล อาจทำให้ได้รสชาติเดียวใน 12 ขวด ดังนั้นอาจต้องใช้วิธีการซื้อยกโหลปนกับซื้อปลีก เพื่อจำกัดให้อยู่ภายในงบ 1,000 บาท โดยซื้อยกโหลด้วยรสโคล่าซึ่งเป็นรสยอดนิยม จากนั้นน้ำสไรท์/เซเว่นอัพ น้ำส้ม น้ำแดง น้ำเขียว อาจซื้อปลีกคละรสกัน เพื่อความหลากหลายในร้าน

ส่วนรสชาติตามฤดูการที่ทางแบรนด์อาจผลิตออกมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำอัดลมกลิ่นสับปะรด กลิ่นองุ่น กลิ่นกีวี เป็นต้น รสชาติจำพวกนี้สามารถซื้อมาปะปนได้ 1-2 ขวด ไม่จำเป็นต้องซื้อเยอะ เนื่องจากลุ่มลูกค้าหลักๆที่จะซื้อรสชาติเหล่านี้มักจะเป็นเด็กๆที่อยากลองของใหม่ๆ แต่พอลองแล้วอาจไม่ถูกใจครั้งต่อไปก็กลับไปซื้อรสชาติพื้นฐานเหมือนเดิม

หลักการเลือกน้ำแข็ง

สำหรับการเลือกน้ำแข็ง ในส่วนของน้ำแข็งป่น ไม่แนะนำ เพราะไม่สะอาด อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ในส่วนของน้ำแข็งก้อนและน้ำแข็งหลอดนั้น แนะนำน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพราะจะละลายช้ากว่าน้ำแข็งหลอด ทำให้ช่วยคงรสชาติของน้ำ หากเป็นน้ำแข็งหลอดจะละลายง่ายทำให้น้ำจืดง่ายด้วย

น้ำอัดลม 1 ขวด (ลิตร) แบ่งขายได้กี่แก้ว? ควรขายแก้วละกี่บาท?

– แก้วเล็ก 7 ออนซ์ สามารถแบ่งได้ประมาณ 20 แก้ว
– แก้วใหญ่ 16 ออนซ์ สามารถแบ่งได้ประมาณ 10 แก้ว

การเลือกขนาดแก้วสำหรับขายน้ำอัดลม

ควรเลือกตามทำเลที่ขาย แบ่งออกเป็นขายเด็กหรือขายผู้ใหญ่

– ขายผู้ใหญ่เลือกแก้ว 16 ออนซ์ สามารถขายได้แก้วละ 15-20 บาท
– ขายให้เด็ก เลือกแก้วขนาด 7 ออนซ์ โดยขายแก้วละ 5 บาท

ทำเลที่ขายสำหรับเด็ก เน้นการขายหน้าโรงเรียน ส่วนการขายสำหรับผู้ใหญ่ ได้แก่ ตลาดนัดออฟฟิศ ศูนย์อาหารของอาคารสำนักงาน ตลาดนัดกลางคืน บูธขายของต่างๆ

กำไรจากการขายน้ำอัดลม

– แก้วขนาด 16 ออนซ์ น้ำอัดลม 16 ขวด (1 แพ็คกับอีก 10 ขวด คละขวด 2 ลิตรและ 1.5 ลิตร) ราคา 470 บาท ตกขวดละ 30 บาท เทขายได้ 10 แก้ว เท่ากับ ต้นทุนแก้วละ 3 บาทโดยประมาณ หากขายแก้วละ 15 บาท เท่ากับกำไร 12 บาท/แก้ว หากขายแก้วละ 20 บาท เท่ากับกำไร 17 บาท
– แก้วขนาด 7 ออนซ์ น้ำอัดลม 22 ขวด (2 แพ็ค กับอีก 10 ขวด คละขวด 2 ลิตรและ 1.5 ลิตร) ราคา 680 บาท ตกขวดละ 30 บาท เทขายได้ 20 แก้ว เท่ากับ ต้นทุนแก้วละ 1.5 บาทโดยประมาณ เท่ากับกำไร 3.5 บาท/แก้ว

สรุปได้ว่าในเงินทุน 1,000 บาท สามารถขายน้ำอัดลมได้ แต่ต้นทุนนี้จะไม่รวมค่าเช่าที่และค่าโต๊ะหรืออุปกรณ์อื่นๆ สำหรับตั้งร้าน แต่จะได้ในส่วนของน้ำอัดลมขวดใหญ่ นำมาแบ่งขาย และแพ็คเก็ตจิ้งพวกแก้วและหลอดต่างๆ สำหรับต้นทุนและกำไรข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นจากการสำรวจเท่านั้น ในความเป็นจริงผู้ประกอบการสามารถประหยัดต้นทุนได้อีก อย่างพวกแก้วพลาสติกหรือหลอด ที่สามารถหาซื้อให้ถูกลงอีกได้