ขายน้ำเต้าหู้ คาเฟ่ติดแอร์ “น้ำเต้าหู้เตาถ่าน” สูตรเด็ดระดับตำนาน

น้ำเต้าหู้ เชื่อว่าคงจะเป็นเครื่องดื่มที่หลายคนชอบดื่ม เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่สำคัญมีราคาถูก หาซื้อง่าย ดื่มได้ทุกมื้อของวัน จะดื่มแบบร้อน หรือแบบเย็น ก็อร่อยได้เหมือนกัน แม้ว่าน้ำเต้าหู้ในปัจจุบันจะมีร้านขายกันดาษดื่น แต่จะมีสักกี่ร้านที่ยังคงกรรมวิธีการทำน้ำเต้าหู้เฉกเช่นสมัยโบราณ ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากเตาถ่าน ลอยมาเตะจมูกทุกครั้งที่ดื่มน้ำเต้าหู้ สมัยนี้ใครๆก็หันมาใช้เตาแก๊สเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แต่ทว่ารสชาติและความหอมหวานแบบดั้งเดิมนั้นก็ถูกบั่นทอนลงไป

รวมข้อมูลแฟรนไชส์น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ อัพเดทล่าสุด คลิ๊ก>>

ล่าสุดได้มีร้านน้ำเจ้าหู้สูตรโบราณของอาแปะ จากจังหวัดอุบลราชธานี ปลุกน้ำเต้าหู้เจ้าเก่าที่ถ่ายทอดสูตรกันมารุ่นสู่รุ่น เปิดแบรนด์น้ำเต้าหู้เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยการปรับแพ็คเกจจิ้งในดูทันสมัย พร้อมเล็งขายขึ้นห้าง ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง แต่ยังคงกรรมวิธีการทำน้ำเต้าและใช้สูตรดั้งเดิมของอาแปะเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “น้ำเต้าหู้เตาถ่าน”

จุดเริ่มต้นของน้ำเต้าหู้เตาถ่าน มาจาก “คุณณัฐธิดา พละศักดิ์” ไปเตะตาร้านขายน้ำเต้าหู้ร้านหนึ่งซึ่งมีอาแปะกำลังง่วนอยู่กับการตักน้ำน้ำหู้ขายมือเป็นระวิง ลูกค้าที่มารอต่อคิวก็แน่นขนัด แม้จะต่อแถวยาวแต่ทุกคนก็พร้อมใจที่จะดื่มน้ำเต้าหู้ของอาแปะท่านนี้ ตักน้ำเต้าหู้ขายอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำเต้าหู้ของอาแปะก็ขายจนหมดเกลี้ยง ลูกค้าบางรายที่พลาดไปถึงขั้นมีการถามหาในโลกโชเชียล ว่าร้านอาแปะเมื่อกี่โมงจะได้ไปรอซื้อ จากเหตุการณ์นี้เองเลยทำให้คุณนัฐธิดา เล็งเห็นช่องทางและโอกาสในการสร้างรายได้ และน่าจะต่อยอดเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ได้ จึงไม่รอช้ารีบเข้าไปอ้อนวอนขอให้อาแปะช่วยสอนสูตรน้ำเต้าหู้ให้ แม้จะไม่ใช่ลูกหลานของอาแปะ แต่ด้วยความตั้งใจจริงของเธอ เลยทำให้อาแปะนั้นยอมสอนให้

แม้อาแปะจะสอนให้แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ เนื่องจากสูตรของอาแปะนั้นใช้ประสบการณ์ในการกะปริมาณส่วนผสมต่างๆ ไม่ได้มีการชั่ง วัด ตวงอีกทั้งยังใช้เตาถ่านในการทำ จึงทำให้เธอต้องหมั่นฝึกฝนฝีมือและความชำนาญ ลองผิดลองถูก ทำน้ำเต้าหู้ไปให้อาแปะชิมอยู่จนกว่าจะได้รสชาติที่เหมือนกันกับอาแปะ และเมื่อมั่นแล้วว่าได้รสชาติที่คงที่เหมือนกับอาแปะแล้ว เธอจึงตัดสินใจเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้อย่างจริงจัง ในรูปแบบคาเฟ่น้ำเต้าหู้ และนั่นจึงเป็นที่มาของ “น้ำเต้าหู้เตาถ่าน” (Charcoal Stove Soymilk)

น้ำเต้าหู้เตาถ่าน มีสาขาแรกอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ตกแต่งร้านแบบคาเฟ่ดูมีความทันสมัย ไม่ต่างจากการนั่งจิบกาแฟในร้านหรู เปิดร้านมาได้ประมาณ 3 เดือน ได้รับกระแสตอบรับที่ดี เนื่องจากรสชาติหอมหวานแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมรความสดใหม่ ต่อมาเมื่อเห็นว่าร้านนั้นยังขาดความหลากหลายเพราะมีเพียงน้ำเต้าหู้ขายเพียงอย่างเดียว จึงได้เกิดไอเดียทำไอศกรีมเจลาโต้ขึ้นมา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า สร้างความแปลกใหม่ แต่ยังใช้น้ำเต้าหู้เป็นส่วนผสมหลัก พร้อมกันนั้นยังเพิ่มในส่วนของเครื่องเคียงน้ำเต้าหู้เข้าไปด้วย อาทิเช่น เยลลี่ ไข่ลวก ทับทิมกรอบ ไข่มุกขาว ไข่มุกดำ คอร์นเฟล็ก ฯลฯ

น้ำเต้าหู้เตาถ่านมีให้เลือก 3 รสชาติ

ไม่มีน้ำตาลเพื่อสุขภาพ
น้ำตาลไม่ฟอกสี และ
น้ำตาลมะพร้าว

สนนราคาอยู่ที่ แบบแช่เย็นบรรจุขวดแก้วราคา 50 บาท และแก้วพลาสติก 40 บาท (ไม่ใส่เครื่อง) เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 7 วัน สำหรับแบบร้อนราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท

สำหรับเป้าหมายต่อไปในอนาคต เตรียมขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ พร้อมทั้งเล็งนำขายตามซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการของการขอรับรองจาก อย. เมื่อผ่านการรับรองแล้วก็จะเริ่มต้นสานต่อแผนธุรกิจต่อไป