ขายป็อปคอร์น สร้างธุรกิจให้แจ้งเกิดได้ ภายใน 1 ปี “ Butter Popper “

ป็อปคอร์น หากพูดชื่อนี้แล้วในหมู่คนไทยก็คงจะนึกถึงขนมที่ขายหน้าโรงหนังใช่ไหมครับ เพราะผมเชื่อว่าหากใครไปดูหนังต้องมีป็อปคอร์นติดมือเข้าไปด้วยแน่ๆ แต่หากใครเป็นคนที่ชอบกินป็อปคอร์นแต่คิดว่าต้องไปซื้อแต่ในโรงหนังไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วครับ เพราะตอนนี้มีร้านป็อปคอร์นเกิดขึ้นอย่างมากมายหลากหลายหน้าตาตามห้างทั่วๆไป แต่ถ้าหากพูดถึงป็อปคอร์นที่อร่อยและยังดังถึงขนาดออกรายการต่างๆละก็ต้องเป็นป็อปคอร์นร้านนี้เลยครับ “ ป็อปคอร์น Butter Popper “
ธุรกิจขายป็อปคอร์น “ Butter Popper “ มีจุดเริ่มต้นมาจาก “ คุณศรัลรัตน์ ศุภสิรินันท์ “ นั้นเป็นคนที่ชอบทานป็อปคอร์นอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกยิ่งมีโอกาสกินป็อปคอร์นบ่อยขึ้น ทางคุณศรัลรัตน์นั้นเลยคิดไว้ว่าถ้าเรียนจบก็อยากจะทำธุรกิจขายป็อปคอร์นดู หลังจากเรียนจบกลับมาเธอก็ไม่ช้าพยายามหาสูตรมาทำ มาทดลองเอง แต่การที่เธอจะได้ทดลองทำนั้นก็จะมีโอกาสเพียงแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้นในการคิดค้นสูตรเพราะด้วย คุณศรัลรัตน์ นั้นต้องบริหารธุรกิจที่กำลังทำอยุ่ถึง 2 ธุรกิจนั่นก็คือธุรกิจของทางบ้านที่ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ และธุรกิจเสื้อผ้าของตัวเธอเอง ในเรื่องของการทดลองทำป็อปคอร์นจึงต้องทำอยู่กว่า 2 ปีกว่าลงตัวทั้งในเรื่องของรสชาติและความอร่อย

เมื่อได้สูตรป็อปคอร์นที่พอใจเธอจึงตัดสินใจลงทุนสั่งเครื่องจักรจากเมืองนอกเข้ามาเลยราคานั้นก็อยู่ที่หลักล้าน โดยการทำตอนแรกนั้นก็ผลิตแค่ป็อปคอร์นคาราเมล การผลิตก็เพียงบริเวณบ้านแต่มีการแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนมีมาตรฐานทางการผลิต หลังจากที่คุณศรัลรัตน์ นั้นผ่านด่านการพัฒนาสูตรมาแล้วก็ต้องมาเจอกับด่านที่ยากไม่แพ้กันอีกนั่นก็คือการวางแผนในการขายป็อปคอร์น ถึงแม้ผู้ประกอบการอื่นๆนั้นจะเลือกที่จะวางขายผ่านเฟซบุ๊คก่อนแต่คุณศรัลรัตน์นั้นคิดว่าลูกค้าก็จะไม่ได้เห็นตัวสินค้าจริงแถมยังจะมายุ่งยากเรื่องการโอนเงินอีก จึงตัดสินใจเปิดหน้าร้าน ซึ่งการเปิดหน้าร้านนั้นก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อตัวแบรนด์และยังเป็นช่องทางที่ลูกค้าเข้าได้ง่ายกว่าทางอื่นๆ

ในการเปิดขายป็อปคอร์นสาขาแรกก็มีการทดลองขายที่เอเชียทีคก่อน โดยในตอนแรกนั้นคุณศรัลรัตน์ ไม่รู้เลยว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นจะเป็นอย่างไรแต่ด้วยเอเชียทีคมีคนเที่ยวทุกเพศทุกวัยทางคุณศรัลรัตน์ก็จึงเลือกที่จะเปิดที่นี่ จากเปิดได้ไม่นานก้นำเฟสบุ๊คและเว็บไซต์เข้ามาช่วยในการโปรโมทในการให้ข้อมูลต่างๆเพิ่มช่องทางในการติดต่อลูกค้า รวมถึงมีการสั่งซื้อออนไลน์ได้ เพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกจังหวัด ซึ่งตอนหลังที่คุณศรัลรัตน์ นั้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ก็มาจากคนรู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์แล้วนั่นเอง จากการเปิดขายป็อปคอร์นได้ไม่ถึงปีก็สามารถขยายสาขาไปได้อีก 2 สาขานั่นก็คือ เซ็นทรัลพระราม 3 และเซ็นทรัลศาลายา

รสชาติของป็อปคอร์นนั้นมีให้เลือกทั้งหมด 4 รสชาติ ได้แก่ Creamy Caramel , Crazy Nut, Asian spice และ Cheese Burger ในส่วนรสชาติที่ขายดีก็จะเป็นรส Creamy Caramel รองลงมาก็จะเป็น Crazy nut สำหรับแพ็คเกจจิ้งก็จะมีให้เลือก 2 อย่างคือ แบบถุงซิปล็อค ราคาอยู่ที่ 80-210 บาทและแบบกระป๋องอยู่ที่ 260-450 บาท ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับรสชาติ โดยหากใครที่ซื้อแบบกระป๋องไปจะมีความพิเศษที่ว่าครั้งหน้าสามารถนำมาเติมได้ในราคาพิเศษ ซึ่งในจุดนี้เมืองไทยยังไม่เคยทำมาก่อนทางคุณศรัลรัตน์ จึงเลือกมาเพื่อเป็นจุดขายของแบรนด์ นอกจากนี้กระป๋องยังมีความพิเศษอีกคือสามารถเขียนข้อความบนฝาได้ ป็อปคอร์น “ Butter Popper “ นั้นจึงสามารถมอบให้คนพิเศษได้เลย

ต่อมาทางคุณศรัลรัตน์ ก็ยังมีการคิดค้นแพ็คเกจจิ้งคิดมาใหม่อีกครั้งนี้เป็น Mini Tin หรือแบบกระป๋องมินิ ในเรื่องของความยากธุรกิจนี้ก็คือการสต็อกวัตถุดิบที่สั่งมาจากต่างประเทศ ถ้าหากตุนไว้เยอะเกินไปก็อาจจะหมดอายุแต่ถ้าสั่งมาน้อยเกินไปก็อาจจะไม่พอขายในจุดนี้จึงจำเป็นต้องละเอียดอย่างมาก จุดเด่นป็อปคอร์น “ Butter Popper “ อยุ่ที่เมล็ดข้าวโพดคั่วจะเป็นแบบกลม ที่เหมาะกับการคั่วคาราเมลและยังมีเครื่องสำหรับเคลือบคาราเมลโดยเฉพาะ เป็นการผลิตแบบ 2 สเต็ปทั้งเครื่องผลิตและเครื่องปรุงรส ทำให้สามารถเคลือบคาราเมลได้ทั้งเมล็ด ในจุดนี้จึงเป็นความพิเศษของแบรนด์ “ Butter Popper “ ซึ่งวิธีการนี้ผู้ประกอบการไทยทำกันน้อยมาก

ปัจจุบันธุรกิจขายป็อปคอร์น “ Butter Popper “ นั้นมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งล่าสุดที่มีการไปออกรายการทีวี “ อร่อยเริ่ดกับคุณหรีด “ ส่งผลให้กิจการนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับเป้าหมายในการทำธุรกิจขายป็อปคอร์นของคุณศรัลรัตน์นั้นก็อยากให้มีการขยายสาขาไปเรื่อยๆ ส่วนในเรื่องของแฟรนไชส์นั้นมีคนเข้ามาสอบถามค่อนข้างมากแต่คุณศรัลรัตน์นั้นเลือกที่จะยังไม่ทำเพราะธุรกิจขายป็อปคอร์นยังไม่มีความพร้อมมาก การที่จะเปิดแฟรนไชส์จึงต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดต่างๆก่อน ในช่วงนี้คุณศรัลรัตน์นั้นเน้นไปที่การรักษาคุณภาพในการผลิตและการขยายสาขาด้วยตัวเองก่อนเป็นหลัก