สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นอาชีพด้วยการลงทุนเปิดร้านเล็กขายในตลาดนัด ถนนคนเดิน หรือขายตามชุมชนหมู่บ้าน และกำลังอยากจะลองขายป๊อปคอร์นหรือข้าวโพดคั่ว อาหารทานเล่นที่เด็กๆและวัยรุ่นโปรดปราน ขนมกรุบกรอบ หวานๆมันๆ อร่อยและที่สำคัญเป็นที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโปรโมทให้วุ่นวาย ส่วนการลงทุนก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่มีเครื่องคั่วป๊อปคอร์น ก็พร้อมเริ่มต้นอาชีพได้แล้ว
ส่วนท่านที่กำลังกังวลใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีนั้น เราได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการลงทุนเปิดร้านเล็กๆ ทำเป็นอาชีพเสริม หารายได้ยามว่างวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ หรืองานพิเศษหลักเลิกงาน มาให้ท่านได้ประกอบการตัดสินใจลงทุนดังนี้
ขั้นตอนเตรียมตัว
- งบประมาณ เตรียมงบประมาณในการลงทุน ทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ ตลอดจนเงินค่าเช่าพื้นที่ขายและเงินหมุนเวียนในการขายให้พร้อม
- เลือกทำเลขาย แน่นอนว่าจะต้องเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว เด็กๆและวัยรุ่น เป็นหลัก หากขายในตลาดนัดให้เลือกบริเวฯใกล้ทางเข้า-ออก เพราะเมื่อลูกมาถึงตลาดจะได้เห็นร้านของคุณเป็นอันดับแรกๆ
งบการลงทุน
การลุงทุนที่จะแนะนำนั้นจะเป็นรูปแบบของการเปิดร้านขนาดเล็ก เน้นขายตามตลาดนัดหรือย่านชุมชนเป็นหลัก งบลงทุนไม่เกิน 5,000 บาท ในอนาคตผู้ประกอบการหรือผู้เริ่มต้นธุรกิจสามารถนำไปต่อยอดเองได้
อุปกรณ์จำเป็น
- เครื่องทำป๊อปคอร์น ราคาประมาณ 2,500 – 3,000 บาท
- กล่องใส่ป๊อปคอร์น ขนาดประมาณสูง 6 นิ้ว ราคาเฉลี่ยใบละ 2 – 3 บาท (แพ็ค 100 ใบ)
- ถุงพลาสติกหูหิ้ว ราคาประมาณ 20 บาท
- กระปุกใส่ผงต่างๆ ราคาประมาณ 10 – 20 บาท
- โต๊ะขนาดกลางพับได้ ราคาประมาณ 500 บาท (หากใช้รถเข็นก็จะสะดวกสบายกว่าแต่งบประมาณก็จะสูงขึ้นไปอีก รถเข็นราคาประมาณ 2,000 บาท)
วัตถุดิบจำเป็น
- เมล็ดข้าวโพด (สำหรับนำมาคั่ว) ราคาประมาณ 100 บาท/กิโลกรัม
- เนย ราคาประมาณ 80 บาท/ถุง (ถุงขนาด 800 – 1,000 กรัม)
- ผงรสชาติต่างๆ เช่น รสชีส รสปาปริก้า รสสาหร่าย รสช็อกโกแลต เป็นต้น ราคาประมาณ 100 บาท/ถุง
ค่าเช่าพื้นที่ขาย
- วันละ 40 – 60 บาท (สำหรับตลาดนัดในต่างจังหวัด)
- วันละ 100 – 300 บาท (สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑล)
หมายเหตุ : ค่าเช่าแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาเฉลี่ยเบื้องต้นเท่านั้น
ค่าไฟฟ้า
- บางตลาดอาจจะเหมารวมในค่าเช่าพื้นที่ขายไปแล้ว แต่บางที่อาจคิดค่าไฟแยก ดังนั้นจะต้องเตรียมเงินสำหรับส่วนนี้ เพราะเครื่องคั่วป๊อปคอร์นนั้นจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้า ค่าไฟประมาณ 20 ิ- 50 บาท/วัน (ขึ้นอยู่กับสถานที่)
คำแนะนำเพิ่มเติม
- เพิ่มความหลากหลาย ปกติแล้วป๊อปคอร์นทั่วไปที่ขายกันจะมีแค่รสหวานหรือรสเนยธรรมดาๆ ดังนั้นเพื่อสร้างความน่าสนใจอาจจะเพิ่มรสชีส รสคาราเมล รสช็อกโกแลต หรือรสหม่าล่า เพิ่มเข้าไปเพื่อสร้างความแปลกใหม่ ลูกค้าจะได้ไม่รู้สึกจำเจ
- เพิ่มขนาดสำหรับเด็ก เด็กบางคนอาจจะรับประทานไม่หมดหรือขนาดปกตินั้นอาจะเยอะจนรับประทานไม่ไหว การเพิ่มไซส์สำหรับเด็กนอกจากจะแก้ปัญหานี้ได้แล้ว ยังทำให้เด็กหรือคนที่อาจจะมีเงินไม่พอซื้อขนาดปกติ สามารถซื้อได้ในราคาขนาดเล็กแทนอีกด้วย
- ทำสดใหม่ ป๊อปคอร์หรือข้าวโพดคั่ว จะอร่อยเมื่อทำสดๆ ร้อนๆ เหมือนเพิ่งลงจากเตา เพราะจะมีความกรอบ หอม น่ารับประทาน ดังนั้นหากทำทิ้งไว้หรือเปล่าทิ้งไว้ เมื่อโดนลมหรืออากาศก็จะทำให้ป๊อบคอร์นไม่กรอบ ไม่นารับประทาน
- ขายในราคาที่เหมาะสม ตั้งราคาขายที่ไม่แพงจนเกินไป ขนาดเล็ก 10 – 15 บาท ขนาดใหญ่ 20 – 30 บาท เป็นต้น
- ส่งเสริมการขายบ้าง เพื่อกระตุ้นให้คนสนใจและซื้อ คุณอาจจะจัดโปรโมทชั่นให้กับลูกค้า เช่น ซื้อครบ 100 บาทแถมขนาดเล็ก 1 กล่อง เป็นต้น
- ให้ชิม จัดสินค้าใส่กล่องเล็กๆ วางไว้ให้ลูกค้าได้ชิม เป็นการโปรโมทร้านและสมนาคุณให้ลูกค้า นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสในการขาย เพราะเมื่อลูกค้าชิมแล้วคุณก็เชียร์ขายรสชาติต่างๆที่คุณมี ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ชิมแล้วมักจะซิ้อ เพราะคนไทยขี้เกรงใจคิดว่าชิมแล้วต้องซื้อ หรือรสชาติอร่อยถูกปากจริงๆเลยซื้อ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าแสดงว่าการให้ลูกค้าได้ชิมนั้นเห็นผล
- ดูแลความสะอาด ขายของกินจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความสะอาด ทั้งของร่างกายและเสื่อผ้า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนหล่อ คนสวย หรือใส่เสื้อผ้าแพงๆไป แค่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด ไม่เลอะเทอะ หน้าตาสะอาดสะอ้าน ตัดเล็บ หวีผมให้เรียบร้อย ไม่ดูรุงรัง ก็เป็นอันใช้ได้