ขายรองเท้า แบรนด์ “Yhor” รองเท้าหนังประยุกต์ไทยๆ ราคาไม่แพง กำไรเต็มกระเป๋า

ขายรองเท้า แบรนด์ “Yhor” รองเท้าหนังประยุกต์ไทยๆ ราคาไม่แพง กำไรเต็มเป๋า

ขายรองเท้า แบรนด์ “Yhor” รองเท้าหนังประยุกต์ไทยๆ ราคาไม่แพง กำไรเต็มกระเป๋า

ในปัจจุบันนั้นรองเท้าสำคัญสำหรับคนในยุคใหม่อย่างมาก เพราะด้วยคนในสังคมส่วนใหญ่นั้นก็ต้องซื้อแต่รองเท้าดีๆ มีแบรนด์ ดีไซล์สวยหรูเท่านั้น มาใส่กัน เพื่อให้เข้ากับชุดที่แต่งบ้างหรือไม่ก็เพื่อเอาไปโชว์ให้เพื่อนๆดูของใหม่ที่ซื้อมา เมื่อตลาดสินค้าเครื่องประดับเจริญขึ้น เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายๆคนจึงหัดมาทำธุรกิจขายรองเท้ากันเป็นอย่างมาก อย่างเช่นกับธุรกิจขายรองเท้าประยุกต์ ธุรกิจขายรองเท้าหนังแท้แถมยังมีลวดลายแบบไทยๆ ราคาก็น่าสนใจเลยทีเดียวคะ

เจ้าของธุรกิจขายรองเท้านี้ก็คือ “ คุณวีรวิชญ์ ส่งพิริยะกิจ “ จากหนุ่มงานประจำบริษัท อยากที่จะทำธุรกิจส่วนตัวของตนเองจึงเลือกที่จะลาออกมา หลังจากที่ลาออกมาแล้วคุณวีรวิชญ์ก็เริ่มมองหาธุรกิจที่จะสร้างรายได้กับตนจึงนึกกลับไปว่าในอดีตตอนที่เป็นเด็กนั้นคุณวีรวิชญ์ มีพ่อเป็นตัวแทนจำหน่ายขายรองเท้า จึงได้มีโอกาสได้ช่วยพ่อทำงานอยู่บ้างและคิดว่าตนนั้นน่าจะทำธุรกิจขายรองเท้านี้ได้หากสร้างจุดโดดเด่นให้กับรองเท้า จึงคิดออกแบบที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นสุดท้ายจึงได้รองเท้ารูปแบบใหม่สไตล์คุณวีรวิชญ์ โดยลวดลายรองเท้านั้นจะเป็นรองเท้าหนัง ซึ่งจะมีการใส่รูปแบบของผ้าไทยลงไปด้วย

หลังจากได้รูปแบบแล้วคุณวีรวิชญ์ก็ได้ออกแบบแบรนด์มา โดยให้ชื่อแบรนด์ธุรกิจขายรองเท้านี้ว่า แบรนด์ “Yhor” ด้วยลวดลายของผ้าไทยนั้นก็มาจากความชอบผ้าไทยหลังจากที่ได้ไปเที่ยวและเห็นการทอผ้าไทยของชาวบ้านที่ทำทอขายกันเป็นอาชีพ ซึ่งเห็นว่าผ้าไทยนั้นเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้ดี รูปแบบของผ้าไทยนั้นยังมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร สีก็เป็นสีธรรมชาติซึ่งน่าสนใจเลยทีเดียวหากนำไปต่อยอดเป็นเครื่องประดับ จึงได้นำมาผสมผสานกับหนังรองเท้า ในช่วงของการจะเริ่มธุรกิจขายรองเท้านั้น คุณคุณวีรวิชญ์ ก้ต้องกินเงินเก่าที่มีอยู่ก่อนในช่วงการออกแบบรองเท้า ซึ่งการที่คุณวีรวิชญ์นั้นจะทำได้ก็ต้องไปเรียนสถาบันออกแบบรองเท้ามาโดยเฉพาะ

สำหรับสถาบันที่คุณวีรวิชญ์นั้นไปเรียนก็มีการตั้งแต่ภาคทฤษฎี ทำแพตเทิร์น และลงมือทำรองเท้าขึ้นเอง ขั้นตอนเหล่านี้คุณวีรวิชญ์ใช้เวลากว่า 1 ปีในการเรียนรู้ที่จะดีไซล์ออกมาและลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง แต่คุณวีรวิชญ์นั้นก็จะมีอาจารย์คอยเป็นที่ปรึกษาอยู่ตลอด หลังจากที่ออกแบบแล้วคุณวีรวิชญ์ก็ต้องไปหาโรงงานที่จะผลิตรองเท้าอีก ซึ่งก็ค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะรูปแบบที่คุณวีรวิชญ์ออกแบบไปนั้นค่อนข้างจะเป็นรูปแบบใหม่สำหรับโรงงาน เมื่อหาโรงงานจะผลิตแล้วก็ต้องเจอกับปัญหาอย่างผ้านั้นบางกว่าหนังคุณวีรวิชญ์ก็ต้องหาวิธีแก้อีกซึ่งกว่าจะได้รองเท้ามานั้นค่อนข้างยกเลยทีเดียว

สำหรับการที่คุณวีรวิชญ์นั้นเลือกใช้ผ้าไทยในการทำรองเท้านั้นก็มาจาก ผ้าไทยนอกจากจะมีคุณสมบัติด้านลวดลายและสีแตกต่างแล้วผ้าไทยบังไม่เก็บความชื้นและไม่เก็บกลิ่นอีกซึ่งก็ดีมากเพราะจะทำให้รองเท้านั้นไม่เหม็น ลูกค้าที่ซื้อไปใส่นั้นส่วนมากก็จะเป็นลูกค้าในช่วงวัยทำงานซึ่งส่วนมากนั้นก็มีอายุไม่ถึง 30 ปี และก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ชอบใส่รองเท้าหนังแท้ โดยการที่คุณวีรวิชญ์นั้นเลือกที่จะนำหนังมาทำนั้นก็มาจากจะสวมใส่สบายและยังไม่กัดเท้าอีกด้วยหนังที่จะนำมาทำส่วนมากก็จะเป็นหนังวัว นอกจากนั้นแล้วภายในก็จะมีการออกแบบมาอย่างดีเพื่อที่จะไม่ให้หลุดลุ่ย

นอกจากจะออกแบบมาได้สวยงามแล้วยังทำสะอาดได้ง่ายอีกด้วยเพียงแค่นำแปรงสีฟันมาจุ่มลงในน้ำสบู่ ค่อยๆ แปรงลงไปที่รอยเปื้อนเท่านั้น
โดยการขายรองเท้านั้นส่วนมากผู้หญิงจะให้ความสนใจมากกว่าจึงมีแบบรองเท้าผู้หญิงด้วย 4-5 แบบ นอกจากจะมองการขายรองเท้าในประเทศแล้วคุณวีรวิชญ์ ก็มองในเรื่องของตลาดว่าน่าจะมีไปขายรองเท้าถึงประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยคุณคุณวีรวิชญ์นั้นก็ได้ออกแบบรองเท้าไว้ 3 แบบ คือ ทรงทางการ มีการนำผ้าไทยเข้าไปเป็นซับใน, แบบลำลอง นำผ้าไทยมาผสมผสานเข้ากับหนัง และแบบที่ใช้ผ้าไทยล้วนๆ หวังโชว์เอกลักษณ์และลวดลายผ้าไทยแบบเต็มๆ จึงทำให้รองเท้านั้นสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ราคาที่ขายรองเท้าอยู่นั้นก็จะอยู่เพียงคู่ละ 1,500-2,500 บาท” เท่านั้น