“ขายโดนัท” ต้องทำอย่างไรบ้าง? ขั้นตอนเปิดร้านเล็กๆงบไม่เกิน 3,000 บาท

โดนัทขนมทานเล่นยอมนิยมของเด็กๆ รสหอมหวาน รับประทานอิ่มท้อง มีให้เลือกหลายรสชาติ ขายง่ายเพราะสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเวลา สำหรับผู้ที่กำลังสนใจอยากจะหารายได้ สร้างอาชีพด้วยการขายโดนัท นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าลงทุน ขายง่าย มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องทำขนมโดนัทด้วยตนเองก็เปิดร้านขายได้ โดยเราได้รวบรวมข้อมูลการลงทุนขายโดนัท เบื้องต้น สำหรับเปิดร้านเล็กๆ ขายในตลาดนัด ถนนคนเดิน ย่านชุมชน เป็นต้น

ขั้นตอนเปิดร้านขายโดนัท

• เตรียมทำเลขาย หาทำเลที่เหมาะสมสำหรับการขาย โดยจะต้องเน้นที่มีกลุ่มลูกค้า เด็กและวัยรุ่นเป็นหลัก หากไม่สามารถเน้นกลุ่มเป้าหมายให้เลือกทำเลขายที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก มีผู้คนผลุกพล่าน หรือเป็นทางสัญจรไปมาตามสถานที่สำคัญๆต่างๆ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงาน เป็นต้น
• เตรียมงบลงทุน ขายโดนัทลงทุนเริ่มต้นน้อย สามารถซื้อจากร้านขายส่งโดนัทมาขายต่อได้เลย แต่สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมคือค่าอุปกรณ์หน้าร้านต่างๆ ตลอดจนค่าเช่นพื้นที่และเงินทุนหมุนเวียนในร้าน
• แหล่งขายส่ง หาร้านขายส่งที่ไว้ใจได้ ทำสดใหม่ สะอาด ถูกหลักอนามัย ที่สำคัญราคาไม่แพงสามารถนำมาขายต่อแล้วได้กำไร นอกจากนี้ต้องมีรสชาติอร่อยถูกปากด้วย

งบลงทุนขายโดนัท

• ค่าวัตถุดิบ – โดนัท ลงทุนประมาณ 3 – 5 บาท/ชิ้น (ลงทุนขายร้อยชิ้นประมาณ 500 บาท)
• ค่าอุปกรณ์ – โต๊ะขนาดกลาง ถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องใส่โดนัท เป็นต้น (ลงทุนประมาณ 1,000 บาท)
• ค่าเช่าพื้นที่ (100 – 300 บาท) ต่อวัน
• เงินหมุนเวียน (500 – 1,000 บาท)

อุปกรณ์จำเป็นเบื้องต้น

• โต๊ะวางของขนาดกลาง ราคาประมาณ 500 บาท
• ที่คีบโดนัท ราคาประมาณ 10 บาท
• ถุงพลาสติก ราคาประมาณ 20 – 30 บาท
• กล่องใส่โดนัทธรรมดาและโดนัทจิ๋ว ราคาประมาณ 60-85 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาด)
• สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ผ้าปูโต๊ะ หลอดไฟส่องสว่าง ผู้ประกอบการสามารถซื้อหามาเพิ่มเติมหรือใช้ที่มีอยู๋แล้วก็ได้เช่นกัน

โดนัทยอดนิยม

• โดนัทจิ๋ว
• โดนทัแฟนซี
• โดนัทพอนเดอริง รสชาติต่างๆ
• โดนัทเสียบไม้

แหล่งซื้อวัตถุดิบ

สำหรับคำแนะนำในการเปิดร้านเบื้องต้นเป็นการรับโดนัทสำเร็จรูปมาขาย ดังนั้นสามารถซื้อได้จากร้านขายส่งโดนัท ซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั้งแบบมีหน้าร้านและขายออนไลน์ ราคาจะอยู่ที่โดนัทจิ๋ว ราคาเฉลี่ยชิ้นละ 2-3 บาท ส่วนโดนัทธรรมดา ราคาเฉลี่ย 5-6 บาท

ขายโดนัทกำไรดีไหม?

• โดนัทจิ๋ว/โดนัทแฟนซี ต้นทุนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2-3 บาท ขายในราคา 5 บาท/ชิ้น (กำไรต่อชิ้น 2-3 บาท ถ้าขาย 100 ชิ้น กำไรจะอยู่ที่ 200-300 บาท)
• โดนัทธรรมดา/โดนัทเสียบไม้ ต้นทุนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5-6 บาท ขายในราคา 10 บาท/ชิ้น (กำไรต่อชิ้นจะอยู่ที่ 4-5 บาท ถ้าขาย 100 ชิ้น กำไรจะอยู่ที่ 400-500 บาท)

คำแนะนำในการขาย

• ขอชิมโดนัทด้วยตัวเอง ทดลองชิมรสชาติจากร้านขายส่งโดนัทก่อนเพื่อหารสชาติที่อร่อยและมั่นใจว่าสามารถนำมาขายต่อได้ เพราะหารสชาติไม่อร่อย ต่อให้หน้าตีโดนัทจะสวยงามแค่ไหน ก็ขายไม่ได้ ขายไม่ดี หากเราซื้อจำนวนมากๆลองต่อรองกับร้านค้าในการทดลองรสชาติ โดยทั่วไปแล้วร้านขายส่งส่วนใหญ่ก็จะให้ลูกค้าชิมได้
• เน้นทำสดใหม่ โดนัทหากทำทิ้งไว้เป็นเวลานานแล้วนำมาขาย ตัวแป้งก็จะมีรสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิม ไม่อร่อย มีกลิ่นเหม็นหืนน้ำมัน

กลยุทธ์ในการขาย

• มีตัวอย่างให้ชิม – วางตัวอย่างโดนัทที่ขายตัดแบ่งเป็นชิ้น เป็นคำ เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองชิมก่อน วิธีนี้นอกจากลูกค้าจะได้ทดลองชิมดูก่อนว่ารสชาติถูกปากหรือไม่ ยังเป็นกลยุทธ์ในการขายที่เรียกว่าความเกรงใจ เมื่อชิมแล้ว ถ้าไม่ซื้อคงกระไรอยู่
• เน้นหลากหลาย – ขายโดนัทหลายๆหน้า เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า อาจจะเพิ่มโดนัทจิ๋ว โดนัทแฟนซี และโดนัทเสียบไม้ เข้าไปขายร่วมด้วยเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย
• สีสันสะดุดตา – เลือกโดนัทหลายๆรูปแบบแล้ว รสชาติอร่อยแล้ว ความสวยงามสะดุดก็นับเป็นการกระตุ้นขายการอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงควรเลือกโดนัทหลายหน้า หลายสี หลายรูปแบบมาขาย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเด็กและวัยรุ่น
• ส่งเสริมการขาย – จัดโปรโมชั่นต่างๆเพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อเพิ่มขึ้น เช่น ซื้อ 10 แถม 1 ซื้อ 5 แถม 1 เป็นต้น
• จัดวางโดนัทให้สวย – อย่าวางเบียดเสียดกันจนเกินไป อาจทำให้เวลาลูกค้าหยิบโดนัทและวหน้าโดนัทเละ ไม่สวยงามและดูไม่น่ารับประทาน ไม่น่าซื้อ
• ขายเหลือให้ลดราคา – อย่าปล่อยโดนัทไว้ขายข้ามวัน เพราะจะมีรสชาติไม่อร่อยเหมือนเดิม ดังนั้นหากขายไม่หมดให้ลดราคาลงมา 30 – 50 % แล้วแต่จะพิจารณาตามความเหมาะสม
• เพิ่มช่องทางติดต่อ – วางป้ายแสดงช่องทางติดต่อทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น คิวอาร์โค้ดเพจหรือไลน์ของร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของร้าน แจ้งวันเปิด-ปิดร้าน แจ้งเมนูที่วางขายในแต่ละวัน รวมทั้งใช้เป็นช่องทางรับออเดอร์

และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลการลงทุนเปิดร้านขายโดนัทเล็กๆ ขายตามตลาดนัด อพาร์ทเม้นท์ หอพักหรือใต้คอนโดต่างๆ ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนไม่เกิน 3,000 บาท โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ