ข้าวต้มปลา “เก๋ากะพง” จากรถเข็นขายที่มีเพียง 8 โต๊ะ ขยายสู่ 200 สาขา!!
ข้าวต้มปลาเมนูง่ายๆ ที่มีขายกันอยู่ทั่วไป ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเมนูง่ายๆ นี้จะกลายเป็นธุรกิจที่มีสาขามากถึง 200 สาขา ก็เพราะในความง่ายนี้เองที่ทำให้ครอบคลุมลูกค้าไว้หมดทุกกลุ่ม ไม่ว่าใครก็สามารถทานข้าวต้มปลาได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจเลือกซื้อนาน แต่ในความง่ายนี้ก็ทำให้มีการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงมาก เนื่องจากใครๆ ก็ขายข้าวต้มปลาที่ว่านี้ได้เช่นกัน จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการสร้างความต่างขึ้นมา นั่นก็คือในเรื่องของคุณภาพที่ไม่มีใครเหมือนของข้าวต้มปลาเจ้านี้ จึงดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้มากจนกระทั่งขยายสาขาได้ดังเช่นทุกวันนี้
ข้าวต้มปลาที่ว่าอยู่ภายใต้แบรนด์ “เก๋ากะพง” ที่เริ่มต้นเป็นเพียงรถเข็นขายที่มีโต๊ะให้บริการลูกค้าเพียง 8 โต๊ะเท่านั้น แต่หลังจาก 2 ปีผ่านไป ก็ได้ขยายเป็น 40 โต๊ะ ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีลูกค้าสนใจติดต่อขอซื้อสูตรไปขายเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าของแรนด์ตัดสินที่จะปรับเปลี่ยนระบบการขายใหม่ให้กลายเป็นแฟรนไชส์ภายในระยะเวลา 1 ปี ภายใต้บริษัท เก๋ากะพง จำกัด
คุณศศิชา จิตจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เก๋ากะพง จำกัด เล่าว่า มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยังไม่มีแฟรนไชส์ข้าวต้มปลาที่อร่อยและไม่มีกลิ่นคาวขายอยู่เลย จึงริเริ่มขึ้นมาเป็นรายแรก โดยการสร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์คือความสด ใหม่ของวัตถุดิบ และเนื้อปลาที่ไม่เหม็นคาว รวมไปถึงรสชาติและน้ำซุปรสจัดจ้าน ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือน โดยจุดขายของแฟรนไชส์นั้นจะเน้นที่ความง่ายในการทำ ตอบโจทย์ของคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการปรุงอาหารเลยก็สามารถทำได้ คือจะมีน้ำซอสสำเร็จไปให้ตามสูตรต่างๆ โดยที่แฟรนไชส์ซีไม่จำเป็นต้องปรุงรสเองเลย โดยซอสปรุงรสจะมีรสชาติทั้งหมด 10 เมนู คือ ข้าวต้มปลา ข้าวต้มขี้เมาสูตรพิเศษ ต้มยำหัวปลา ต้มทะเลทั้งแบบน้ำข้นและน้ำใส ลวกจิ้ม ยำทะเล ข้าวผัดปู ข้าวผัดต้มยำ สุกี้ และกระเพรา
รายละเอียดที่รวมอยู่ในแฟรนไชส์นอกจากวัตถุดิบและน้ำจิ้มสำเร็จรูปที่จะได้รับคือการอบรมให้กับแฟรนไชส์ซีในเรื่องของการตวงปริมาณซอสสำเร็จรูปตามสูตรต่างๆ การลวกเนื้อปลา การตักน้ำซุปใส่ และวิธีการปรุงขาย รวมทั้งจะมีการวิเคราะห์ทำเลก่อนจะเปิดร้านให้อีกด้วย โดยหลักการของทำเลคือจะต้องมีประชากรอยู่เยอะและมีที่จอดรถพร้อมให้ลูกค้า
ในส่วนของราคาข้าวต้มปลาจะอยู่ที่ 35 บาท และ ต้มยำหัวปลา 60 บาท ซึ่งจะกำหนดเหมือนกันทุกสาขา เมื่อคำนวณแล้วจะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 40% ต่อวัตถุดิบที่ส่งให้ ก่อนหักค่าแรงและค่าเช่าที่ จึงกล่าวได้ว่ากำไรที่ว่ามานี้ไม่ตายตัวนัก ต้องขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่ด้วย ถ้าหากค่าเช่าที่แพงขึ้นกำไรก็จะลดลง แต่เท่าที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าแฟรนไชส์จะมียอดขายต่อสาขาไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อวัน
ในส่วนของแผนการตลาดนั้นเดิมทีอาศัยวิธีการแบบปากต่อปาก แต่ในภายหลังได้มีการแนะนำผ่านทางเว็บไซต์ ทำให้เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น รวมไปถึงขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์อื่นๆ เช่น การออกบูธตามงานต่างๆ เป็นต้น ในเรื่องของช่องทางการขายทางบริษัทได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายพื้นที่เข้าไปในต่างจังหวัดให้มากขึ้นด้วย
ข้อมูลแฟรนไชส์
– ไม่มีค่าแฟรนไชส์ในช่วงโปรโมชั่น
– ค่าวัตถุดิบเริ่มต้น 5,000 บาทต่อการขายหนึ่งสัปดาห์
– ค่าวัตถุดิบในการปรุงอาหารในวันเรียน 2,000 บาท
– เวลาในการอบรม 1 วัน 13:00 – 21:00 น.
– ค่าอุปกรณ์ในการเปิดร้านแล้วแต่ขนาดของทำเล 30,000 -50,000 บาท
– มีเงื่อนไขกำหนดการสั่งซื้อวัตถุดิบ 14 รายการ อาทิ น้ำซอสสำเร็จ 8 สูตร ปลากะพง ปลาหมึก กุ้ง หัวปลา เนื้อปู ฯลฯ
– ค่าขนส่งวัตถุดิบคิดตามจริง (ยกเว้นในกรุงเทพและปริมณฑลส่งฟรี)
– ส่งวัตถุดิบสัปดาห์ละครั้ง ไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ
เมนูอาหารที่สอนให้
1. ต้มยำหัวปลา
2. ต้มยำน้ำใส / น้ำข้น (ปลา,กุ้ง,หมึก,ทะเล)
3. ยำ (ปลา, กุ้ง,หมึก ,ทะเล)
4. ข้าวต้ม (ปลา,กุ้ง ,หมึก ,ทะเล)
5. เกาเหลา (หัวปลา , กุ้ง ,หมึก,ทะเล)
6. ลวกจิ้ม (ทะเลลวกจิ้ม ,ปลาลวก ,หมึก ,กุ้ง)
7. ข้าวผัดปู / ข้าวผัดต้มยำ (กุ้ง,หมึก,ทะเล)
8. ข้าวต้มต้มยำ (น้ำใสสูตรเด็ด)
9.สุกี้ (น้ำและแห้ง)
10. ผัดกระเพรา (ปลา, กุ้ง , หมีก ,ทะเล)
ข้อมูลติดต่อแฟรนไชส์
ที่อยู่ 310 หมู่บ้านกราฟฟิกเพลส ซอย 3 หมู่ 1 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง
อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร 08-6330-9322,08-1356-8322
Email อีเมล์ ibscbroker@hotmail.com
Website เว็บไซต์ www.kaokaphong.com