ข้าวเหนียวทุเรียน แปรรูปใส่กระป๋องสร้างมูลค่าเพิ่ม สงออกขาย “SWEET SIAM”
ขนมไทย ของหวานประจำชาติไทยมมาตั้งแต่บรรพบุรุษเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็จะมีหลายประเภทมากตั้งแต่ข้าวเหนียวมูลมะม่วง ข้าวเหนียวมูลทุเรียน ทองหยิบ ทองหยอด ซึ่งขนมไทยส่วนมากนั้นก็จะทำมาจากกะทิ ดังนั้นการใช้กะทิทำขนมนั้นระยะเวลาในการเก็บขนมไทยนั้นก็จะอยู่ได้เพียงแค่วันสองวันเท่านั้น และเมื่อต่างชาติเข้ามาก็ได้เข้ามาสนใจในขนมไทยบ้านเราเหมือนกัน แต่ด้วยหากจะนำหลับไปที่ประเทศนั้นก็ยากลำบากมากด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของขนมหวานไทยแปรรูป อย่างข้าวเหนียวทุเรียน
ธุรกิจข้าวเหนียวทุเรียนเริ่มจาก “ คุณณัฐสกนธ์ เจริญสาธิต “ ได้มีโอกาสไปเรียนที่ประเทศจีน และได้พบว่าชาวจีนนั้นนิยมกินขนมไทยอย่างมากเหมือนกัน โดยเฉพาะเมนูที่มีส่วนผสมของผลไม้ไทยกับน้ำกะทิจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ หลังจากที่คุณณัฐสกนธ์ได้ไปศึกษาที่ประเทศจีนก็ได้รู้ว่าประเทศจีนนั้นด้านการตลาด เศรษฐกิจเขาดีมาก ประชาการก็มีรายได้แต่ละคนมากพอสมควร หลังจากกลับมาที่ประเทศไทยคุณณัฐสกนธ์จึงได้คิดว่าจะทำธุรกิจนี้อย่างไรดี จึงได้ไปขอความรู้และคำแนะนำจากสถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาวิจัยและพัฒนาอยู่นานเกือบ 2 ปีเลย เงินที่ลงทุนวิจัยนั้นก็หลักล้าน ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้นวัตกรรมเก็บอาหารที่ไม่ต้องใส่ช่องฟิต สามารถอยู่ได้นานนับปีภายใต้อุณหภูมิปกติเท่านั้น สำหรับใครที่จะกิน แค่เปิดฝากระป๋องก็กินได้ทันที ทำให้ได้รสชาติใกล้เคียงกับขนมหวานที่ทำสดใหม่ ซึ่งการทำอย่างนี้นอกจากจะสะดวกต่อการกินแล้วการเก็บรักษาและขนส่ง ยังง่ายอีกด้วย
ปัจจุบันสินค้าที่ออกมานั้นมีอยู่ 5 รายการ ทุกเมนูจะเป็นเมนูขนมไทย ข้าวเหนียวทุเรียน และข้าวเหนียวมะม่วง บรรจุกระป๋องแบบคู่ แยกข้าวเหนียวมูนกับน้ำกะทิ ชุดละ 120 บาท ซึ่งเมนูนี้จะขายดีมาก นอกจากนี้ก็จะมี สาคูข้าวโพด และมังคุดลอยแก้ว บรรจุถ้วยพลาสติก ราคา 40 บาท และน้ำกะทิพร้อมดื่มในซอง มี 3 รส ได้แก่ รสมังคุด รสมะม่วง และรสทุเรียน ราคา 25 บาท และสิ่งที่ทำให้ข้าวเหนียวทุเรียนนั้นมีรสชาติเหมือนทำแบบสดใหม่เลยนั้นก็มาจากการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีอย่าง ข้าวเหนียวมูนก็จะใช้พันธุ์เขี้ยวงูจากภาคเหนือโดยตรงเลย ทุเรียนก็เป็นพันธุ์หมอนทอง และมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้จากภาคตะวันออก และสุดท้ายคือมะพร้าวที่นำมาทำน้ำกะทิก็จะมาจากภาคใต้เลย
สำหรับผลไม้ก็จะรับซื้อตรงจากชาวสวนเลย ซึ่งหากเป็นช่วงฤดูผลไม้ไหนก็จะซื้ออันนั้นมาเก็บไว้ก่อนที่ห้องเย็นเพื่อควบคุมให้มีวัตถุดิบผลิตสินค้าอย่างเช่นข้าวเหนียวทุเรียน ได้ทั้งปี ซึ่งการทำอย่างนี้ก็เพื่อจะเป็นการควบคุมต้นทุนอีกด้วยเพราะราคาผลไม้ในช่วงในฤดูกับนอกฤดูจะต่างกันมาก ส่วนกระบวนการผลิตขณะนี้ทางบริษัทยังใช้วิธีว่าจ้างโรงงานอาหารแปรรูป ซึ่งการผลิตนั้นจะเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานอาหารส่งออกครบถ้วน ทั้ง ISO, GMP และ HACCP ส่วนในอนาคตก็น่าจะมีโรงงานเป็นของตนเองถ้าหาไปได้ดีตามเป้าหมาย ส่วนเงินลงทุนในการทำธุรกิจแปรรูปข้าวเหนียวทุเรียนตอนแรกนั้น คุณณัฐสกนธ์ต้องใช้เงินลงทุนไปกว่า 10 ล้านเลยทีเดียว
ในเรื่องของการส่งสินค้าข้าวเหนียวทุเรียน นั้นจะมีเป้าหมายส่งออกข้าวเหนียวทุเรียน ไปจีนเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นก็จะเป็นเป้าหมายเล็กๆอย่าง ส่งเข้าร้านอาหารไทย และร้านขายสินค้าอาหารเอเชียในประเทศจีน รวมถึงออกงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารเพื่อการส่งออกทั้งใน และต่างประเทศ ส่งขายตามแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ เช่น พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น ในส่วนที่คุณณัฐสกนธ์ เลือกส่งไปจีนเป็นหลักนั้นก็เพราะจีนเป็นตลาดขายสินค้าที่ใหญ่มาก น่าจะได้รายได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ
ข้อมูลการติดต่อธุรกิจ
โทร. 08-6465-4922
ที่อยู่ 555 หมู่ 5 อ้อมน้อย กระทุ่มแบน
จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย
Email: info@sweetsiamthailand.com / sale@sweetsiamthailand.com
http://www.sweetsiamthailand.com/th
ขอบคุณรูปภาพจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์