เมื่อมาถึงจุดหนึ่งหลายคนพยายามมองหาอาชีพที่เป็นของตัวเอง หลังจากที่ทำงานประจำแล้วไม่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ ทั้งเรื่องของเวลา รายได้ที่ได้รับ ความมั่นคงในชีวิต หากทำงานมานานๆ จนอายุเกิน 30 หากบริษัทปิดตัวเพราะพิษเศรษฐกิจ หรือโดนบีบให้ออกเพราะต้องการปรับโครงสร้างใหม่ ครั้นจะหางานใหม่ทำก็ยากด้วยอายุที่มากขึ้น ทางที่ดีที่สุดระหว่างที่ทำงานประจำไปด้วย ควรหาอาชีพที่ชอบเพื่อรองรับชีวิตในอนาคต เช่นเดียวกับคุณวิวัฒน์ และคุณกีรติ กุลวิจิตร์รัตน์ สองพี่น้องเจ้าของธุรกิจ เฮียวัตรปังตอทอง ที่หันมาจับกิจการส่วนตัวเพราะมองเห็นโอกาสการต่อยอดจากเดิมที่ทำงานประจำ จนในที่สุดลาออกมาเพื่อมาดูแลธุรกิจอย่างเต็มตัว
เฮียวัตรปังตอทอง มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณวิวัฒน์ อดีตพนักงานประจำทำงานด้านการนำเข้าและส่งออก ที่ต้องการมองหาธุรกิจส่วนตัวหลังจากมีครอบครัว เพื่อให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ที่ตัดสินใจเลือกเป็นธุรกิจข้าวเหนียวหมูเนื่องจากเป็นคนชอบทานข้าวเหนียวหมูอยู่แล้ว จึงได้ศึกษากรรมวิธีการทำหมูและเนื้อแดดเดียวและการนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่ม เริ่มต้นขายครั้งแรกที่นครปฐมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
“ปีแรกที่เริ่มผลตอบรับดีมาก แต่พอ 6 -7 เดือนหลังเริ่มไม่ดี จนเกือบจะเลิกขาย แต่พอได้มีการพัฒนาปรับปรุงทั้งเรื่องของแพคเกิจจิ้งการทำตลาดใหม่ๆ ปรากฎว่ายอดขายค่อยๆ เริ่มดีขึ้น จนในที่สุดสามารถขยายสาขาได้สำเร็จ และได้มีโอกาสมาวางขายในห้างสรรพสินค้า เมื่อปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีการทำตลาดผ่านเฟสบุ๊ค ออกงานอีเว้นท์ ซึ่งผลตอบรับในขณะนี้ถือว่าเกินที่คิดไว้ จากที่แทบมองไม่เห็นโอกาสเลย ล่าสุดเรากำลังเซ็ตระบบแฟรนไชส์ ภายใน 3 ปีนี้ น่าจะเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการ”
“จุดเด่นของเราคือคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ตั้งแต่เนื้อหมู เนื้อวัว นำมาหมักด้วยเครื่องเทศสูตรพิเศษ ที่คัดมาอย่างดี มาผ่านกรรมิวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ถูกหลักอนามัย โดยส่วนผสมทุกอย่างใส่แบบไม่หวง จัดหนักเต็มที่ รสชาติที่ได้คือความเข้มข้น โดยมีให้เลือกหลากหลายเมนู ตั้งแต่ หมูหวาน หมูเค็ม หมูฝอย เนื้อเค็ม ทานคู่กับข้าวเหนียวที่นุ่มซึ่งเกิดจากขั้นตอนการนึ่งที่เป็นสูตรเฉพาะ รสชาติที่ได้คือความกลมกล่อมลงตัว หอมเครื่องเทศอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมาพร้อมแพ็คเกจจิ้งที่ทันสมัย ทำให้สามารถตีตลาดได้ทุกกลุ่ม” คุณกีรติกล่าว
ด้วยความอร่อยทีเกิดจากความพิถีพิถันในการผลิตบวกกับการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ เฮียวัตรปังตอทอง กลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ปัจจุบันเข้าปีที่ 3 นอกจากจะขยายสาขาของตัวเองได้สำเร็จแล้ว ยังมีผู้สนใจที่ต้องการนำสินค้าไปต่อยอด ทางข้าวเหนียวโคตรนุ่มหมูโบราณได้เปิดโอกาส จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาส่ง รับขั้นต่ำ 5 กิโลกรัมขึ้นไป หมูหวาน/หมูฝอย 350-380 บาทต่อกิโลกรัม, หมูเค็ม 400 บาทต่อกิโลกรัม, เนื้อเค็ม 550 – 600 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนรายได้ที่จะได้รับขึ้นอยู่กับทำเล โดยตัวสินค้ามีราคาที่ไม่แพง สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย ทำเลควรเป็นทำเลที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่างตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว ย่านออฟฟิศ สถาบันศึกษา หรือสถานที่ราชการ กำไรที่จะได้รับอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ส่งราคาขายปลีกขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่ และกำลังซื้อของผู้บริโภค
นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคุณภาพของสินค้า ที่โดดเด่นเรื่องของรสชาติ ซึ่งเกิดจากการพัฒนาเพื่อให้สินค้ามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมถึงแพ็คเกจจิ้งที่ดีไซน์ใหม่ ฉีกภาพลักษณ์ของข้าวเหนียวหมู-เนื้อ แบบเดิมๆ ให้มีความน่าสนใจมากขึ้นและยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอีกด้วย ที่สำคัญงบลงทุนต่ำ แต่สามารถสร้างกำไรได้กว่าเท่าตัว หากผู้ลงทุนมีทำเลที่ดี มีความตั้งใจจริงในการทำธุรกิจ เชื่อว่าประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
ข้อมูลติดต่อธุรกิจ : ข้าวเหนียวโคตรนุ่มหมูโบราณ
โทรศัพท์ : 88 หมู่ 8 ต.บางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม 73000
โทรศัพท์ : 089 110 7992
เฟสบุ๊ค : เฮียวัตรปังตอทอง หมูหวาน หมูเค็ม หมูฝอย เนื้อเค็ม เนื้อหวาน
หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : ข้าวเหนียวโคตรนุ่มหมูโบราณ