คู่มือเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นธุรกิจ

ในการที่เราจะทำธุรกิจใดๆให้ประสบความสำเร็จก็ตาม เราควรที่จะมีการวางแผนที่ดีเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเสมอ เพราะถ้าเราไม่วางแผนและเริ่มต้นทำธุรกิจเลยโดยที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและแผนทางด้านการตลาดมาก่อนเราก็อาจจะได้ผลกำไรตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า เกิดการขาดทุนอย่างมหาศาลเป็นหนี้และสูญเสียเงินทองไปมากมายหรืออาจถึงขั้นบริษัท ล้มละลายได้เลยทีเดียว ดังนั้นผู้ประกอบการในอนาคตทุกๆคนควรจะเตรียมตัววางแผนเอาไว้ก่อนทำธุรกิจเสมอ เพื่อให้ ธุรกิจของเราสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นได้ผลกำไรตอบ แทนที่สูงและคุ้มค่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องจน กลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุดรวมถึงช่วยลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากใครที่กำลังอยากจะมีธุรกิจเป็นของตนเองและกำลังมองหาแนวทางในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นธุรกิจอยู่ล่ะก็บทความนี้จะสามารถช่วยให้คุณกลายเป็นผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกๆคนควรทำมีดังต่อไปนี้

1. พิจารณาเงินทุนและงบประมาณของตนเอง เงินทุนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆของการทำธุรกิจเพราะถ้าไม่มีเงินทุนต่อให้ไอเดียดีแค่ไหนก็ไม่อาจสานต่อความฝันนั้นๆได้ ดังนั้นเราจึงควรมีทั้งเงินทุนและเงินสำรองเอาไว้เผื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นด้วย เงินทุนที่ต้องใช้นั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจด้วยเช่นเดียวกันบางประเภทอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากแต่บางประเภทก็อาจจำเป็น ดังนั้นถ้าเรามีเงินทุนไม่ถึงตามที่กำหนดก็อาจจะหาวิธีอื่นๆเพื่อเพิ่มเงินทุน เช่นกู้ยืมจากทางธนาคารหรือหางานพิเศษทำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เรายังควรคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆทั้งค่าทำการตลาดเพื่อโปรโมทสินค้า ค่าวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตสินค้า หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อดูว่าเราจะ สามารถแบกรับภาระและความเสี่ยงเหล่านั้นไหวหรือไม่

2. พิจารณาว่าความชอบของเราว่าเราต้องการทำธุรกิจประเภทใด และธุรกิจประเภทนั้นเหมาะกับเราหรือไม่อย่าทำธุรกิจเพราะแค่ตามกระแสที่เห็นคนทำก็เลยทำตามเพราะถ้าเป็นแบบนี่จะทำให้เราทำได้ไม่นาน สักพักก็จะรู้สึกเบื่อเมื่อผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ถ้าเกิดเราทำอย่างไม่ตั้งใจและแค่หวังเพียงว่าทำธุรกิจแล้วจะรวยเร็วๆ เหมือนกับ คนอื่นแต่ไม่เคยมีการวางแผนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าก็อาจจะทำให้ธุรกิจของเราพังไม่เป็นท่าได้รวมทั้งยังทำให้สูญเสียทั้ง ทรัพย์สินเงินทองและเวลาอีกด้วย เราจึงควรทำธุรกิจด้วยใจรักหรือมีความหลงใหลในการทำธุรกิจนั้นจริงๆเพื่อที่เราจะได้ ทุ่มเทให้กับมันได้อย่างเต็มที่และไม่รู้สึกเบื่อไปกลางคันเสียก่อน

3. วางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดโดยใช้หลกัการ 4P ซึ่งก็คือ Product (สินค้า), Price (ราคาขายสินค้า), Place (สถานที่), Promotion (โปรโมชั่น) เพื่อช่วยในการทำให้มองเห็นหลักการของธุรกิจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

  • Product (สินค้า) เราควรกำหนดก่อนว่าเราต้องการขาย สินค้าประเภทใดหรือบริการประเภทไหนเพื่อที่จะได้สามารถ เจาะจงกลุ่มตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังควรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและให้บริการที่ดีและน่าประทับใจ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ หรือบริการของเรา จนเกิดการบอกต่อกันเป็นวงกว้าง นอกจากนี้เรายังควรหมั่นพัฒนาสินค้าของเราให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังควรออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สวยงามและน่าดึงดูดใจ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นลูกค้าประจำไปในที่สุด
  • Price (ราคาขาย) เราควรกำหนดราคาของสินค้าให้ชัดเจน รวมทั้งควรกำหนดราคาให้เหมาะสมไม่ถูกหรือแพงมากจนเกินไป นอกจากนี้เรายังควรสำรวจราคาของคู่แข่งว่าเขาขายกันเท่าไหร่และนำมาปรับใช้กับร้านค้าของเราให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสินค้าของเราคุณภาพดีสมกับราคาต่อให้ราคาแพงมากแค่ไหน ลูกค้าก็ย่อมอยากมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราอย่างแน่นอน
  • Place (สถานที่) เราควรวางแผนว่าเราจะขายสินค้าหรือบริการของเราผ่านช่องทางไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุดและทำให้มี ลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องมากที่สุด รวมทั้งยังควรดูว่ากลุ่มเป้าหมายนิยมซื้อขายผ่านทางช่องทางไหนบ่อยที่สุด แน่นอนว่าช่องทางแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป อย่างทางออนไลน์ก็ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องเดินทางออกไปไหน อีกทั้งยังไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากนักแต่มันก็ทำให้ลูกค้าไม่อาจรู้ได้ว่าสินค้าของเรามีลักษณะหรือสีที่แท้จริงเป็นแบบไหนจะมีคุณภาพดีหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ ส่วนการช่องทางการค้าขายผ่านทางหน้าร้านค้าก็จะทำให้ลูกค้าได้จับต้องสินค้าของจริง แต่ยังต้องใช้ต้นทุนในการเลือกซื้อทำเลที่ตั้งและตกแต่งร้านสูงมากทีเดียว รวมทั้งอาจทำให้ลูกค้าเสียเวลาในการเดินทางไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นบางร้านค้าจึงขายผ่านทั้ง 2 ช่องทางนี้พร้อมกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลายปะปนกันไป
  • Promotion (โปรโมชั่น) จัดโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราอยากเข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการ จากร้านค้าของเราถ้าหากเรามีเป็นร้านค้าเราก็ควรติดป้ายโปรโมชั่นที่มีความโดดเด่นและมีสีสันสะดุดตาไว้หน้าร้านและจัดวางสินค้าที่ต้องการส่งเสริมการขายไว้ในจุดที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดหรือถ้าหากขายผ่านทางออนไลน์ เราก็ควรใช้สื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ด้วยการโปรโมทหรือโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook อินสตราแกรมหรือทวิตเตอร์เพื่อช่วยให้ผู้คนได้รับรู้และรู้จักสินค้าของเรากันมากขึ้น

4. คุณควรศึกษาข้อมูลทางด้านการตลาดอย่างละเอียดและถี่ถ้วนเสียก่อน โดยที่คุณควรทำความเข้าใจและวิเคราะห์ถึงความต้องการของตลาดเพื่อให้ทราบว่าสินค้าชนิดใดที่กำลังเป็นที่ต้องการหรือกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาสินค้า ประเภทใดและพวกเขามีความต้องการสินค้าของเรามากขนาด ไหน สินค้าของเราสามารถตอบสนองความต้องการของพวก เขาได้หรือไม่ และแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเราคือใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ รวมถึงศึกษาถึงจุดเด่นและจุดด้อยจากทางคู่แข่งทางธุรกิจเพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจของเรา ให้มีประสิทธิภาพและดียิ่งๆขึ้นไป

5. ควรสร้างจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับธุรกิจของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นการตั้งชื่อร้านค้าที่มีความโดดเด่น และสั้นกระชับ เพื่อช่วยให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้าและสื่อให้ลูกค้ารู้ได้ในทันทีว่าร้านของเราค้าขายอะไร หรืออาจจะตกแต่ง ร้านค้าให้เป็นเอกลักษณ์หรือมีความแตกต่างจากร้านอื่นๆหรือ อาจจะขายสินค้าที่มีความแปลกแหวกแนวทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าที่เขาซื้อไปนั้นมีความพิเศษตรงที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เท่านั้น

6. วางแผนในการสร้างภาพลักษณ์ด้านการบริการ ที่น่าประทับใจให้กับธุรกิจของคุณนอกจากสินค้าดีมีคุณภาพแล้ว ผู้ประกอบการทุกคนยังควรให้ความสำคัญกับเรื่องของ การบริการเพราะสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อสินค้ากับร้านค้าหรือธุรกิจของคุณอีกครั้งรวมทั้ง ทำให้ลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำในอนาคตอีกด้วย เมื่อลูกค้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำแล้ว เราก็ควรสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า ด้วยการจดจำรายละเอียดต่างๆของเขาและทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้เรายังควรมีความรู้ในเรื่องของสินค้าสามารถให้ข้อมูลและแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างชัดเจน คอยให้บริการและดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ เพื่อทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อร้านค้าและอยากกลับมาใช้บริการอีกอย่างต่อเนื่อง

การวางแผนที่ดีก่อนจะทำธุรกิจใดๆก็ตามย่อมเป็นผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและตัวของธุรกิจเองเพราะการ วางแผนจะทำให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ ชัดเจนมากยิ่งขึ้นทำให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อยที่เราอาจมองไม่เห็นเมื่อตอนก่อนที่เราจะเริ่มวางแผนและช่วยให้เราสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้และพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อให้ธุรกิจของเราสามารถเติบโตเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

แสดงความคิดเห็น