“ตลาดอินเดีย” น่าสนใจกว่าจีนและมีโอกาสสำเร็จสูง

วันนี้ หากเราพูดถึงประเทศอินเดีย นอกจากสถานที่เที่ยวชื่อดังอย่างทัชมาฮาลหรือทัวร์ตามรอยพระพุทธเจ้า หนังบอลลีวูดแล้ว เชื่อว่าภาพของประเทศที่ยากจน ไปไหนก็เจอแต่ขอทาน ชุมชนแออัด สลัม ปัญหาเรื่องความไม่สะอาดของอาหาร สภาวะแวดล้อม สาธารณสุข รวมไปถึงเรื่องการแบ่งชนชั้น วรรณะ ยังคงเป็นสิ่งต้นๆ ที่เป็นภาพติดอยู่ในความรู้สึกของเรา แต่ในอนาคตอันใกล้ อินเดียจะกลายเป็นกุญแจสำคัญของเศรษฐกิจโลก เหมือนที่จีนทำให้โลกเห็นมาแล้วในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์ของ World Economic Forum ที่เผยแพร่ในงาน India Economic Summit ด้วยเหตุผลดังนี้

1.อินเดียยังมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก
World Bank ได้คาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโตร้อนแรงด้วยอัตรา 7% ในปี 2019 และเพิ่มขึ้นเป็น 7.2% ในปี 2020 ซึ่งเมื่อเทียบกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเมื่อปี 2018 คิดเป็นราวๆ 6% กลายเป็นม้ามืดที่มีเศรษฐกิจเติบโตได้ดีกว่าจีนเสียอีก ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2017 รายงานของ World Bank ก็แสดงให้เห็นแล้วครั้งหนึ่งว่าเศรษฐกิจของอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และอังกฤษเท่านั้น

2.อินเดียจะกลายเป็นโรงงานแห่งใหม่ของโลก
ปัจจุบัน เราทราบกันดีว่าแม้ประเทศอินเดียจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก แต่จำนวนประชากรกลับมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีการคาดการณ์ว่าในปี 2027 อินเดียจะมีประชากรเยอะเป็นอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าจีน คิดเป็นจำนวนคนกว่า 17% ของประชากรทั้งโลก ซึ่งตัวเลขนี้มีความสำคัญอย่างมีนัยยะ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันอินเดียยังเป็นประเทศยากจนและมีคนพร้อมจะทำงานมากเกินกว่าจำนวนงานที่มีให้

เมื่อหันไปมองในมุมของโอกาส การมีจำนวนประชากรมาก หมายถึงการมีฐานการบริโภคที่สูง ควบคู่กับการมีแรงงานป้อนเข้าสู่ภาคการผลิตแบบไม่จำกัด และ 2 สิ่งนี้เองที่เป็นปัจจัยหลักพาให้เศรษฐกิจของประเทศอินเดียเฟื่องฟูได้ดีมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาผ่านการมี “คน” อยู่ในมือเยอะ ไม่ว่าจะมีบริษัท มีผลิตภัณฑ์อะไร แค่ทำขายกันเองในประเทศก็เพียงพอแล้ว ขณะที่ปัจจุบันจีนเริ่มมีอัตราการเพิ่มของประชากรลดลง อินเดียกลับมีอัตราการเติบโตของประชากรอยู่ที่ 1.11% อีกไม่นานเราจะต้องจำข้อมูลกันใหม่ว่า อินเดียคือประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของโลก

3. การจ้างงานใหม่ ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ประเทศ
แม้ว่าอินเดียจะรั้งอยู่ที่อันดับที่ 58 ของรายงานการแข่งขันทางเศรษฐกิจทั่วโลก (World Economic Forum’s Global Competitiveness Report) แต่อันดับก็ค่อยๆ ขยับขึ้นทุกปี ซึ่งในปี 2017 ก็ขยับขึ้นมามากกว่า 5 ตำแหน่ง แถมยังถือครองประเทศที่มีกำไรมากที่สุดในบรรดาประเทศ G20 และสิ่งที่ทำให้เกิดกำไรสูงสุดนั้นเกิดจากค่าแรงและค่าครองชีพที่ยังต่ำ สถิติพบว่า 6 จาก 10 คน ต้องดำรงชีวิตด้วยเงินเพียง 3.20$ ต่อวันเท่านั้น

4. เต็มไปด้วยนักคิดและเหล่าสตาร์ทอัพ
ถ้าพูดถึงเรื่อง IT อินเดียไม่แพ้ใครแน่นอน สตาร์ทอัพก็เช่นกัน มีรายงานจาก NASSCOM ว่าประเทศอินเดียเต็มไปด้วยเหล่าสตาร์ทอัพใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีเทคโนโลยีสตาร์ทอัพกว่า 4,750 แห่ง โดยที่แค่ปี 2018 ก็ปาเข้าไปกว่า 1,500 แห่ง แถมรัฐบาลยังมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดสตาร์ทอัพเพิ่มเติมอีก นี่แสดงให้เห็นโอกาสเติบโตมหาศาลของอินเดียอนาคตที่โลกจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี

5. มีเศรษฐีใหม่เพิ่มมากขึ้น
เหล่านักธุรกิจจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจของ AfrAsia Bank’s Global Wealth Migration Review 2019 ได้ทำการสำรวจความร่ำรวยของผู้คนใน 10 ปีข้างหน้า พบตัวเลขที่น่าตกใจว่า อินเดียมีการเติบโตของคนรวยสูงถึง 180% มากกว่าทุกประเทศ รวมทั้งจีนหรือแม้แต่สหรัฐฯ ที่ได้ผลการเติบโตอยู่ที่ 120% และ 20% ตามลำดับเท่านั้น

คนรวยเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ก้าวขึ้นมากับธุรกิจด้านสตาร์ทอัพ เทคโนโลยี และภาคการผลิตนั่นเอง และคนกลุ่มนี้อีกเช่นกัน ที่มีสัญชาตญาณความเป็นผู้ประกอบการสูง ที่จะคิดทำสิ่งใหม่เพื่อขยายอาณาจักรธุรกิจของตนไปอย่างไม่รู้จบ และจะช่วยการสร้างงานได้อีกมาก

จากปัจจัยทุกประการที่เราได้เห็น หากใครที่กำลังมองหาช่องทางใหม่ในการขยายตลาดต่างประเทศ อินเดียดูจะเป็นประเทศที่น่าสนใจกว่าจีนมากและมีโอกาสสำเร็จสูง หากเราลองเปิดใจศึกษานิสัยใจคอ วัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคของคนอินเดียดูสักนิด เชื่อว่าโอกาสทองกำลังรอเราอยู่ เหมือนที่คนทั้งโลกเคยเห็นโอกาสแบบเดียวกันนี้ที่เคยเกิดขึ้นในจีนมาแล้ว

 

สินค้าคนอินเดียชอบซื้อ คลิ๊ก>>

 

ที่มา: KrungsriBusinessEmpowerment

แสดงความคิดเห็น