ตั้งสโลแกน อย่างไรให้ติดปาก ?

ตั้งสโลแกน ดีๆ สักหนึ่งประโยคที่ติดหูผู้บริโภคมีประโยชน์มากกว่ามีนักการตลาดหัวกะทิอยู่ในบริษัทถึง 10 คนเลยทีเดียว จึงไม่แปลกอะไรที่ธุรกิจจำนวนมากต่างแสวงหาและสร้างสรรค์สโลแกนที่ยอดเยี่ยมสุดบรรเจิดอยู่ตลอดเวลา เพราะสโลแกนบริษัทจัดเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดอย่างหนึ่งที่จะส่งผลถึงตัวผู้บริโภคได้ ทุกบริษัทจึงสมควรต้องมีสโลแกนไว้เป็นของตัวเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยการตั้งสโลแกนให้ติดปากผู้บริโภคก็มีหลักการสำคัญ 8 ข้อดังนี้

สโลแกนต้องครบถ้วน โดดเด่น และดึงดูด

มนต์เสน่ห์ของสโลแกนที่ยอดเยี่ยมและติดปากผู้บริโภคมีเคล็ดลับอยู่ที่รูปประโยคต้องโดดเด่นและมีพลังในตัวเองอย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสะกิดความคิดของผู้บริโภคให้เข้ามาสนใจพร้อมจดจำได้ในทันที เช่น LG : Life’s Good

สโลแกนบ่งบอกถึงตัวตนของธุรกิจ

สโลแกนที่ดีและมีคุณภาพต้องสามารถสื่อความหมายได้อย่างตรงตัวและบอกที่มาที่ไปอย่างครบถ้วน เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ทันทีว่าสโลแกนที่พบเห็นเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทใด ตัวอย่าง เช่น “ถุงเท้าคาร์สัน : ถุงเท้าที่ทุกๆ คนใส่กัน” เป็นต้น

สโลแกนต้องสั้นและกระชับ

สโลแกนบริษัทจะเป็นที่จดจำก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการสามารถออกแบบรูปประโยคให้สั้นและกระชับมากที่สุด เพราะถ้าหากสโลแกนยาวเกินไป ผู้บริโภคก็จะแค่อ่านและมองผ่านเลยไปเนื่องจากเขาไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องบันทึกใส่สมองไว้ แต่ในทางกลับกัน หากสโลแกนเป็นประโยคสั้นๆ และกระชับ นอกจากพวกเขาจะสามารถจำได้ในทันทีแล้วยังมีการพูดบอกต่อกันเป็นวงกว้างในลักษณะของปากต่อปากอีกด้วย โดยความยาวของสโลแกนไม่ควรจะเกิน 12 ตัวอักษรจะเป็นการดีที่สุด อาทิ “ฟูจิ สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง”

ความหมายของสโลแกนมีค่ามากกว่าตัวอักษร

สโลแกนไม่ควรเป็นแค่ตัวหนังสือบอกเล่าเรื่องราวเท่านั้น เพราะสโลแกนต้องสามารถแสดงออกได้ถึงจิตวิญญาณและสัมผัสได้ถึงพลังที่มีอยู่ หรือพูดง่ายๆ ก็คือต้องมีสำนวนที่คมคายและบาดลึกในจิตใจ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจดจำสโลแกนได้ในห้องที่ลึกสุดของหัวใจอีกด้วย เช่น บริษัทรถยนต์โตโยต้าที่ใช้สโลแกนหลักว่า “เราให้คุณมากกว่ารถยนต์” เป็นต้น

สโลแกนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี

ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และตัวสโลแกนก็ต้องมีคุณสมบัติสร้างมิติการรับรู้ในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดีด้วย เพราะสโลแกนจะทำหน้าที่เป็นเหมือนประตูบานแรกที่ใช้เปิดรับผู้บริโภคสู่อาณาจักรธุรกิจของเรา สโลแกนจึงเหมือนเป็นตัวแทนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกิจการของเราไปโดยปริยาย ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีสโลแกนที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์อันยอดเยี่ยมในการประกอบธุรกิจด้วย เช่น “การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า” เป็นต้น

สโลแกนเป็นทั้งเอกลักษณ์และอัตลักษณ์

สโลแกนต้องสามารถถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างโดดเด่นและลงตัวที่สุด เนื่องจากสโลแกนทั่วๆ ไปมักสร้างสรรค์ออกมาโดยมีแนวทางและรูปแบบวิธีการที่ไม่ทิ้งกันนัก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยเพราะผู้บริโภคมักสับสนและแยกแยะไม่ออกว่าธุรกิจแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร การเขียนสโลแกนให้มีเอกลักษณ์พร้อมทั้งอัตลักษณ์เป็นการเฉพาะจึงมีส่วนสำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปนี้ได้ อาทิ “ไทยประกันชีวิต บริษัทของคนหัวคิดทันสมัย” เป็นต้น

หลีกเลี่ยงการบัญญัติศัพท์ใหม่โดยเด็ดขาด

ถึงแม้สโลแกนจะต้องการความโดดเด่น แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องพยายามหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดก็คือการบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาใช้เองเป็นการเฉพาะ เนื่องจากผู้บริโภคมีประสบการณ์ความรู้ทางด้านภาษาที่แตกต่างกันจึงอาจทำให้เข้าใจความหมายของคำบางคำคลาดเคลื่อนไปจากสิ่งที่เราต้องการนำเสนอก็เป็นได้ มิหนำซ้ำธุรกิจของเรายังอาจถูกสับเละจนไม่มีชิ้นดีจากนักภาษาศาสตร์ก็เป็นได้ในข้อหาทำภาษาไทยวิบัติ

สโลแกนต้องติดปากผู้บริโภค

หากผู้ประกอบการสามารถทำได้ทั้ง 7 ขั้นตอนที่กล่าวแล้วละก็ ขั้นตอนที่ 8 สโลแกนต้องติดปากผู้บริโภคก็จะเกิดขึ้นตามมาเองในที่สุด ทั้งนี้ความสมดุลและลงตัวในการใช้ภาษามักเป็นแรงกระตุ้นให้สโลแกนถูกเอ่ยถึงอยู่เป็นประจำ เช่น “AIS ทุกที่ทุกเวลา” หรือ “แมคโดนัลด์ ความสุขล้นเมนู” เป็นต้น

หลายบริษัทต่างเฝ้าค้นหาคำตอบนานแล้วว่าสูตรสำเร็จของการสร้างสโลแกนให้ติดปากผู้บริโภคแท้ที่จริงควรต้องทำอย่างไร เคล็ดลับความสำเร็จอยู่ที่ไอเดียการสร้างสรรค์และการทำตามหลักวิธีสากลตามที่ได้เสนอไปนั่นเอง เพียงเท่านี้การสร้างสโลแกนก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรอีกต่อไป

เคล็บลับตั้งสโลแกนให้ติดปาก

คนทำธุรกิจต่างก็อยากให้บริษัทของตนเองมีชื่อเสียง เมื่อพูดชื่อแล้วแล้วใครๆ ก็รู้จัก และที่สำคัญคือเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึงเวลาพูดถึงสินค้าหรือผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ นอกจากทำสินค้าให้มีคุณภาพและติดตลาดแล้ว การมีสโลแกนสั้นๆ จำง่ายขึ้นใจ ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเป็นที่จดจำในตลาดอีกด้วย

ตั้งสโลแกน อย่างไรให้ติดปาก
ตั้งสโลแกน อย่างไรให้ติดปาก

10 ข้อที่สโลแกนต้องมี

1. จำง่าย ได้ยินแล้วพูดซ้ำได้เลย

2. เรียบและสั้น สโลแกนยาวเกินไปก็จำยาก เอาสั้นๆ ให้กระชับและได้ใจความ ไม่ควรเกิน 10 พยางค์

3. สื่อความหมาย ต้องมีสิ่งที่บอกว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร

4. แตกต่าง แสดงให้เห็นว่าเราแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นอย่างไร

5. แสดงด้านบวก ฟังแล้วเกิดความรู้สึกดีต่อแบรนด์

6. มีเอกลักษณ์ อย่าไปลอกคนอื่น หรือใช้คำซ้ำซาก

7. เฉพาะเจาะจง ระวังประโยคที่ดูกว้างเกินไปจนผู้ฟังอาจไม่รู้ว่าธุรกิจของเราเกี่ยวกับอะไร

8. โดดเด่น สะดุดตาสะดุดหูจนต้องหยุดอ่านหรือหยุดฟัง

9. จูงใจ ทำให้คนเชื่อในสิ่งที่นำเสนอ

10. น่าเชื่อถือ สะท้อนลักษณะเด่นที่ฟังดูเป็นไปได้ เช่น คำสัญญา คุณสมบัติพิเศษ

เมื่อรู้แล้วว่าสโลแกนที่ดีต้องเป็นอย่างไร ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือทำ อย่างแรกคือการเจาะจงกลุ่มตลาดที่เป็นกลุ่มหลักของธุรกิจ ตอบโจทย์ให้ได้่ว่าอะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง และคำมั่นสัญญาที่จะให้กับลูกค้าคืออะไร หลังจากนั้นก็ระดมความคิดเพื่อหาประโยคที่สะท้อนบุคลิกลักษณะของธุรกิจให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องสื่อสารว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไรไปพร้อมๆ กันด้วย หรือถ้าไม่อยากทำเองก็สามารถจ้างมืออาชีพแทนได้ อย่าลืมว่าสโลแกนที่ดีจะต้องบอกให้คนรู้ว่าเราคือใคร ทำอะไร และน่าสนใจอย่างไร

อย่าลืมนำสโลแกนที่คิดได้ไปทดสอบดูปฎิกิริยาของผู้ฟัง ลองให้เพื่อนหรือครอบครัวแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อได้ฟังแล้วพวกเขาจำได้ไหม ฟังแล้วดูน่าเชื่อถือหรือไม่ จากนั้นก็นำสโลแกนไปผูกติดกับโลโก้หรือการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดอื่นๆ เพื่อให้คนจำได้และนึกถึงบริษัทเราทุกครั้งที่ได้ยิน

แสดงความคิดเห็น