ธุรกิจขนมหวาน รวยด้วย “ขนมเปี๊ยะ”
แบรนด์ “ไม้-ภู-ตะวัน” ขนมสูตรโบราณที่ขายดีในยุคปัจจุบัน
การมองหาอาชีพบางทีเราก็ต้องดูจุดเด่นของธุรกิจนั้นๆว่าน่าสนใจแค่ไหน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นธุรกิจใหญ่โตหรือคนรู้จักแต่ขอให้มีเสน่ห์และมีคุณภาพ เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างการตลาดให้กับผู้ลงทุนได้เช่นกัน
ธุรกิจขนมหวานก็เช่นกันปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะตามกระแสขายขนมจากตะวันตกจนบางทีก็ลืมไปเหมือนกันว่าขนมยุคเก่าก็มีเสน่ห์ในตัวเองไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่จับเอาธุรกิจนี้มาเป็นจุดขายถือว่ามีมุมมองที่แตกต่างและก็สร้างเป็นรายได้ที่ดีเกินคาดทีเดียว
ขนมเปี๊ยะแบรนด์ “ไม้-ภู-ตะวัน” ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนทั่วไปจะรู้จักขนมเปี๊ยะยี่ห้อนี้กันหรือไม่แต่ขอบอกเลยว่านี่คือธุรกิจที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะจุดเด่นเรื่องสูตรการทำที่สืบทอดกันมาแต่จีนโบราณมาพัฒนาการตลาดด้วยคนรุ่นใหม่ มีอนาคตที่สดใสมากๆเลยครับ
จุดเริ่มต้นของขนมเปี๊ยะแบรนด์ ”ไม้-ภู-ตะวัน”
ความเก่าแก่ของชื่อเสียงขนมเปี๊ยะ อ.พนัสนิคมจากเมื่อครั้งอดีต เริ่มต้นมาจากสูตรของผู้เป็นพ่อ เมื่อธุรกิจนี้ตกถึงมือรุ่นลูก“นายปภาณ ธนันจิตรา” ที่คลุกคลีอยู่กับขนมเปี๊ยะโบราณมาตั้งแต่เกิด โดยเริ่มเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวในด้านการตลาด ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มองเห็นว่าปัญหามาจากเรื่องของรสชาติและรูปร่างที่ใหญ่เกินไปไม่พอดีคำ แต่ถ้าเอาเรื่องที่ต้องแก้ไขมาทำใหม่จะมีความน่าสนใจมากขึ้นจึงเป็นที่มาของการปรับสูตรเนื้อแป้งและไส้ให้อร่อยโดนใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นพร้อมการตั้งชื่อใหม่ว่า“ไม้-ภู-ตะวัน”
จุดเด่นของขนมเปี๊ยะ แบรนด์ ”ไม้-ภู-ตะวัน”
ความโดดเด่นของขนมเปี๊ยะ ไม้-ภู-ตะวัน เรียกได้ว่าอยู่ที่เนื้อแป้ง และไส้ของขนม ที่เน้นความสดใหม่ เน้นการนำแป้งเค้กมาผสมกับแป้งแบบเดิมเพิ่มความนุ่มของเนื้อแป้งที่จากเดิมลูกค้าจะคุ้นเคยกับขนมเปี๊ยะโบราณที่แป้งแข็ง ฝืดคอ แต่เมื่อทางร้านได้ปรับปรุงสูตรก็ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ไส้ขนมเปี๊ยะมีทั้งหมด 6 ไส้ ได้แก่ ถั่วเหลือง, ฟักล้วน, ถั่ว+ฟัก (ขายดี) , งาดำ, ใบเตย และถั่วแดง ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้ใหญ่วัยประมาณ 40 ปีขึ้นไป แต่สำหรับในส่วนของขนมเปี๊ยะแบบสดจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมรับประทาน จากจุดขายในเรื่องความนุ่ม หอม จากเทียนอบแบบโบราณ โดยทางร้านได้ทำตู้อบเทียนขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อมาตรฐานที่คงที่
นอกจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ไม้-ภู-ตะวัน” จะขึ้นชื่อในเรื่องของขนมเปี๊ยะโบราณแล้ว ยังได้ทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ เสริมด้วย โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในการทำขนมเปี๊ยะ เช่น แยมงาดำ แยมจากเมล็ดทานตะวัน และพีนัท บัตเตอร์ (Peanuts Butter) มีจำหน่ายที่ทอปซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ยังมีขนมบัวหิมะ เค้กถ้วย และเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม ซึ่งจะไม่ได้ทำทุกวันแต่เน้นผลิตตามออเดอร์มากกว่า
ราคาจำหน่ายและเป้าหมายทางการตลาดของ “ไม้-ภู-ตะวัน”
ปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 6 ไส้ ตั้งราคาจำหน่ายไว้ดังนี้
- ชิ้นเล็กอยู่ที่ 3 ชิ้น 20 บาท
- ชิ้นใหญ่มี 3 ขนาด ราคาอยู่ที่ 25 บาท 60 บาท และ120 บาท (ตามลำดับ)
เมื่อมีการปรับปรุงด้านการตลาดใหม่ถือว่าเป็นการเดินที่มาถูกทางอย่างแท้จริง เริ่มจากการนำสินค้าไปลองขายตามตลาดนัดย่านออฟฟิศต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่ เนื่องจากเก็บไว้ได้นานหลายวัน และสะดวกในการขนส่ง โดยถุงบรรจุจะเป็นพลาสติกอย่างดี สำหรับซีลสุญญากาศด้วยการอัดก๊าซออกซิเจนเข้าไป เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาขนมปี๊ยะได้นานขึ้นประมาณ 2-3 เดือน แต่หากเป็นขนมเปี๊ยะชิ้นเล็กทางร้านจะไม่ซีล เพราะจะใช้ต้นทุนที่สูงกว่า ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วย
รูปแบบการลงทุนของ ขนมเปี๊ยะ แบรนด์ ”ไม้-ภู-ตะวัน”
ปัจจุบันขนมเปี๊ยะ “ไม้-ภู-ตะวัน ไม่มีหน้าร้าน เน้นการขายที่ จ.ชลบุรี ตามตลาดนัดในกรุงเทพฯ โดยใช้กลยุทธ์การเวียนไปตามที่ต่างๆ และวนกลับมาที่ตลาดนัดเดิม ทางด้านของการลงทุนนั้นหากผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนก็สามารถมาสอบถามพูดคุยกันได้โดยตรงเพราะว่ารายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้การค้าประสบความสำเร็จนั้นมีอีกมาก การเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกันก่อนน่าจะทำให้ธุรกิจเดินหน้าร่วมกันได้ดีที่สุด
ข้อมูลติดต่อธุรกิจ……………………..ขนมเปี๊ยะ แบรนด์ ”ไม้-ภู-ตะวัน”
ติดต่อ: คุณปภาณ ธนันจิตรา
โทร. 0-2376-2500, 086-522-7500
หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : ไม้-ภู-ตะวัน