นำเข้าสินค้า ผลผลิตทางการเกษตร ระหว่างประเทศไทย- จีน กลยุทธสร้างแบรนด์ “Madarin Best”
นำเข้าสินค้า ที่มาของรายได้จากสินค้าต่างประเทศ ถูกนำมาทำการตลาดภายในประเทศไทย ผ่านการขนส่งขนาดใหญ่สู่การแลกเปลี่ยนและส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจที่สำคัญ การนำเข้าสินค้านับเป็นอีกหนึ่งแขนงธุรกิจที่น่าจับตามองและมีความท้าทายสูงอยู่เหมือนกัน ปัจจุบันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องนำเข้าเพื่อทำการตลาด หนึ่งในนั้นคือสินค้าเกษตรที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันส่งออกและนำเข้าอยู่สม่ำเสมอ
“พศิน อุตตวงษ์” ทายาทนักธุรกิจส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตร ได้ลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ของตัวเองจากการนำเข้าสินค้าเสมือนเป็นสายเลือดนักธุรกิจที่สนใจการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อสร้างรายได้ หลังนำเข้ามาวางจำหน่ายภายในประเทศไทย ด้วยผลผลิตที่ได้มาจากสวนไร่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะจากภูมิภาคนั้นๆ เดิมทีทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของคุณพศินทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าและส่งออกกระเทียมมาก่อน ระหว่างประเทศไทย- จีน ภายใต้การทำงานในนาม “บริษัท ประยงค์การเกษตร จำกัด” กระทั่งที่คุณพศินได้ไปเรียนต่อที่สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยเสฉวน ประเทศจีน ในระดับปริญญาตรี จึงเกิดองค์ความรู้ใหม่และนำมาต่อยอดธุรกิจได้สำเร็จ
บวกกับประสบการณ์ที่ได้มาจากการท่องเที่ยวและสำรวจตลาดขณะที่อยู่ในประเทศนั้น ทำให้มองเห็นลู่ทางการทำธุรกิจกับประเทศจีน เมื่อกลับบ้านมาจึงสานต่อธุรกิจพ่อแม่อย่างไม่รีรอ เริ่มต้นด้วยการนำเข้าสินค้าเกษตรอย่างส้มจีนที่มณฑลเจียงซี เพราะเห็นว่าเป็นส้มที่มีรสชาติอร่อย ทั้งยังไม่มีเมล็ด และมีราคาถูกเข้ามาขายในประเทศ ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Mandarin Best” ในตอนนั้นรับเข้ามาทั้งหมด 6 ตู้คอนเทนเนอร์ ขนส่งทางทะเลใช้เวลา 8 วันกว่าสินค้าจะมาถึงไทย ลงทุนครั้งนั้นด้วยเงิน 3 ล้านบาท และก็ได้บทเรียนบางอย่างที่สำคัญทำให้จดจำ
การนำเข้าส้มจีนครั้งนั้นมีสีเขียว แต่รสชาติอร่อย แต่นั่นไม่ใช่ที่ต้องการของตลาด สินค้าของคุณพศินถูกปฏิเสธจากกลุ่มพ่อค้าตลาดไท ตอนนั้นทำให้ขาดทุนถึง 1 ล้านบาท เขาจึงนำเอาความรู้ที่ได้จากครั้งนั้นมาสั่งสมไว้ในประสบการณ์ และปรับเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ รวมไปถึงการออกแบบแพ็คกิ้งใหม่ ทำให้ธุรกิจของเขาดีขึ้นเป็นลำดับ 2 ปีต่อมาเขานำเข้าส้มจีนมากถึง 80 ตู้คอนเทนเนอร์ จากการเล็งเห็นถึงผลกำไรจากส้มจีนที่สูง 20- 40 เปอร์เซ็นต์
หลังจากนั้นส้มแมนดารินได้หมดฤดูกาลลง คุณพศินก็ได้นำผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ส้มโอ ลำไย มังคุด องุ่น เป็นต้น ที่มีทั้งการนำเข้าและส่งออกเพื่อทำการค้าต่อไป จากดิวแรกสำเร็จสู่การส่งออกเป็นลำดับถัดมา คุณพศินเลือกส่งออก “ส้มโอ” จากนครชัยศรีไปยังประเทศจีนในตลาดนครเฉิงตู พร้อมกับนำเข้าองุ่นแดงจากมณฑลเสฉวนและมณฑลยูนนานสู่ไทย มุ่งหวังในการสร้างแบรนด์ Mandarin Best ให้เป็นที่รู้จักในประเทศจีน
ปัจจุบันธุรกิจของคุณพศินถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ครั้งแรกกับการทำธุรกิจหลังเรียนจบของคุณพศินสามารถสร้างกำไรได้ถึง 300,000 บาทในช่วงอายุเพียง 21 ปี การันตีได้ว่าคุณพศินคือสายเลือดนักธุรกิจอย่างแท้จริงที่มองเห็นโอกาสและสามารถบริหารงานจนประสบความสำเร็จด้วยวิธีคิดที่เป็นระบบ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากสนใจเจาะตลาดจีน คุณพศินก็ได้ให้คำแนะนำว่าต้องละเอียดถี่ถ้วน ทุกอย่างต้องมีการทำสัญญาการค้าเพื่อเป็นหลักฐาน การสื่อสารจีนต้องชัดเจนเพื่อให้เข้าใจตรงกัน รวมถึงการเลือกบริษัทชิปปิ้งก็ต้องเลือกบริษัทใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบในกรณีที่สินค้าเกิดความชำรุดเสียหายจากการขนส่ง
คุณพศินยังคงทำการศึกษาความรู้เพิ่มเติมต่อเนื่องเพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโต ปัจจุบันกำลังศึกษาเรื่องหมอนยางพาราในประเทศจีน พร้อมกันนั้นยังวางแผนเข้าสู่ตลาดอาเซียนด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ในตลาดเดิม