การบริหารธุรกิจครอบครัว

หากเราจะพูดถึงเรื่องการบริหารธุรกิจนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการบริหารธุรกิจหรือกิจการที่ดีมันนำมาซึ่งผลกำไรในการดำเนินงานที่มากมายอีกทั้งยังนำมาซึ่งความสำเร็จของธุรกิจนั้นๆด้วย การบริหารธุรกิจที่ดีนั้นเราจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารภาพรวมองค์กร บรรยากาศในองค์กร ดูงบประมาณรายรับรายจ่าย บริหารบุคคลากร การวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมและบริหารการจัดการทั่วไปซึ่งเหตุผลทีกล่าวมาเป็นปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จแต่สิ่งทีสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือผู้นำองค์กร ผู้นำองค์ที่เก่งมีความสามารถสูง วิสัยทัศน์ไกล มักจะทำให้องค์กรก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน แต่หากเราต้องการให้องค์กรประสบความสำเร็จเราควรจะมีทีมบริหารที่มากไปด้วยความสามารถไม่ใช่แค่ว่าจะพึ่งพาผู้นำเพียงแค่คนเดียวเสมอไป

กลับมาในส่วนของรูปแบบในการบริหารธุรกิจนั้น เราสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกันคือ ธุรกิจทั่วไปและธุรกิจครอบครัว โดยทั่วไปแล้วการบริหารงานในธุรกิจ

ครอบครัวก็มีวิธีการบริหารหลักๆที่ไม่ค่อยต่างจากจากบริหารธุรกิจทั่วๆไปนัก เพียงแค่เราจะต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดมากขึ้นเพราะว่ามันจะมีคำว่าสายใยความสัมพันธ์ทางความคิดและความรู้สึกที่มันเปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้อยู่ตลอดเวลา แต่หากว่าเป็นรูปแบบการบริหารธุรกิจทั่วไปความสัมพันธ์มันจะไม่ซับซ้อนมากนักเพราะจะถูกแบ่งบทบาทในการบริหารองค์กรไปตามตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละบุคคลออกไปเช่น ทีมผู้บริหารก็จะมีหน้าที่คอยตัดสินในแผนงานธุรกิจ คอยแก้ปัญหาต่างๆหรือเข้าใจง่ายๆว่าเป็นหน้าทีคอยตัดสินใจทุกอย่าง

ทีมงานอาวุโสพนักงานกลุ่มนี้ก็จะเน้นไปที่การประสานงานระหว่างทีมบริหารและทีมพนักงาน รวมไปถึงการควบคุมดูแลความเรียบร้อยทั่วๆไปส่วนทีมพนักงานแน่นอนอยู่แล้วก็คือทำตามคำสั่งของทีมอาวุโสและทีมบริหารนั้นเองซึ่งทีมนี้จะไม่ค่อยมีโอกาสได้ตัดสินใจเพียงแค่ต้องทำตามคำสั่งเป็นหลัก เพราะฉะนั้นธุรกิจแบบทั่วไปจะไม่ค่อยมีปัญหากันง่ายนักเพราะบทบาทที่ชัดเจนของแต่ละฝ่ายนั่นเอง ในทางกลับกันหากเป็นธุรกิจครอบครัวนั้นเราจะต้องกลับมาคำนึงทุกรายละเอียด ซึ่งการบริหารธุรกิจทั้งสองรูปแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับว่าถ้าใครบริหารข้อดีได้มากกว่าข้อเสีย ก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ง่าย ดังนั้นในบทความนี้ขอเน้นไปที่รูปแบบการบริหารธุรกิจครอบครัวเพราะว่าถ้าหากเราจัดการมันได้ดีจะส่งให้เกิดประสิทธิภาพที่มากกว่ารูปแบบทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะธุรกิจครอบครัวนั้นจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ในการตัดสินใจซึ่งมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยอยู่หลายอย่างด้วยกัน

จุดเด่นของการบริหารธุรกิจครอบครัวมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นความรวดเร็วชัดเจนในการตัดสินใจหรือกำหนดเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ เพราะทุกการตัดสินใจจะเป็นการตัดสินใจภายในครอบครัวซึ่งจะรวดเร็วกว่าธุรกิจรูปแบบปกติที่จะต้องสรุปข้อมูลทั้งหมดโดยทีมงานแล้วส่งไปให้ทีมบริหารหากไม่ดีพอจะต้องแก้ไขแล้วส่งกลับไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการตัดสินใจที่รวดเร็วเราก็จะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วเช่นกันซึ่งมันจะมีข้อได้เปรียบมาก

จุดเด่นต่อไปคือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกัน เนื่องจากว่าความคิดต่างๆก็เป็นการสืบทอดกันมาเป็นสายเลือดเดียวกัน เลี้ยงดูจากบุคคลเดียวกัน ปัญหาและความขัดแย้งต่างๆระหว่างบุคคลก็จะมีน้อยกว่าคนนอก จุดเด่นต่อไปคือวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งเพราะแน่นอนว่าธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดกันมาหลายรุ่นหลายสมัยนั้นผ่านอุปสรรคมามากมายหลายชนิดหากยังสามารถดำรงอยู่ได้หลายปีก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นองค์กรที มีประสิทธิภาพและมีความมั่นคงในระดับหนึ่งได้ ซึ่งวัฒนธรรมเหล่านี้ก็จะถูกส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นต่อไปเรื่อยๆสิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือความรู้และประสบการณ์ที่สร้างสมกันมานานก็จะถูกส่งต่อมายังรุ่นต่อไปอีกด้วยเช่นกัน จุดเด่นสุดท้ายจะเป็นความทุ่มเทในการทำงานเนื่องจากว่าเป็นธุรกิจของครอบครัว ทุกคนในครอบครัวก็เปรียบเสมือนเจ้าของกิจการ ต้องช่วยกันพัฒนาดูแลธุรกิจด้วยกัน ในข้อนี้จะยิ่งช่วยผลักดันธุรกิจให้ก้าวไกลออกไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดข้างต้นนี้ก็จะเป็นจุดเด่นหลักๆทั้งหมดของรูปแบบธุรกิจครอบครัว แต่ทั้งนี้รูปแบบนี้ก็มีจุดด้อยอยู่หลายประการเหมือนกัน จุดด้อยข้อแรกเลยคงหนีไม่พ้นปัญหาที่เกิดจากอารมณ์ แน่นอนว่าทุกคนในทีมบริหารมาจากครอบครัวเดียวกันก็จะมีความสัมพันธ์กัน โดยอารมณ์ส่วนมากจะเกิดขึ้นจากลำดับขั้นอาวุโส เช่น ลุงกันหลาน พี่กับน้อง พ่อกับลูก เป็นต้น ซึ่งถ้าหากทีมบริหารไม่มีวุฒิภาวะที่มากพออาจจะทำให้ปัญหาเล็กๆกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นมาได้ จุดด้อยต่อไปคงหนีไม่พ้นเรื่องการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไปโดยยึดถือแบบค่านิยมเดิมๆมาเกินไป เหตุผลนี้อาจนำมาซึ่งความผิดพลาดนั่นเอง ส่วนจุดด้อยข้อสุดท้ายคือคาดหวังกับคนในครอบครัวมากจนเกินไป เช่น ลูกหลานบางคนอาจจะไปศึกษาต่อต่างประเทศพอกลับมาก็ได้เป็นผู้บริหารทันที ซึ่งหลายธุรกิจก็ขาดทุนเพราะเหตุผลนี้กันมาเยอะเพราะเด็กเหล่านั้นอาจขาดประสบการณ์ที่มากพอหรือไม่ถนัดไม่ชอบที่จะทำธุรกิจประเภทนั้นต่อ เป็นต้น เราจะเห็นได้ว่าการบริหารธุรกิจครอบครัวนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่มากมาย แต่ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจประเภทนี้เราจะต้องดึงจุดเด่นของมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นเทคนิคในการบริธุรกิจจึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

พูดถึงเรื่องเทคนิคในการบริหารธุรกิจครอบครัว อันที่จริงมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือแปลกต่างไปจากการบริหารธุรกิจแบบทั่วไป เพียงแต่เราอาจจะต้องใช้ทักษะด้านการบริหารที่มากกว่าเพราะทีมผู้บริหารคือคนในครอบครัวและญาติพี่น้องของเรานั่นเอง หลักในการบริหารธุรกิจนั้นก็มีอยู่ไม่กี่ปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึง โดยเริ่มจากการบริหารงานทั่วไปในที่นี้หมายถึงการจัดการในทุกๆเรื่องทั่วไปเช่น การสั่งซื้อสินค้า ค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ การประสานงานต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาเราสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเองหรือจะเป็นการจ้างบุคคลากรเฉพาะทางเข้ามาดูแลแทนซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วจะช่วยเราประหยัดเวลาและงบประมาณได้มาก ปัจจัยต่อไปจะเป็นเรื่องการเงิน การจัดการด้านการเงินถือว่าสำคัญมากในการทำธุรกิจ เพราะเนื่องจากว่าเงินไม่เข้าใครออกใครถ้าหากเราไม่ควบคุมเรื่องการเงินให้ดี มีโอกาสสูงที่เราจะถูกยักยอกเงินจากพนักงานเพราะบุคคลเหล่านั้นสามารถแก้ไขโยกย้ายบัญชีการเงินได้ตลอดเวลาอย่างง่ายดาย ดังนั้นทางแก้ไขที่ดีที่สุดคือเราควรจะควบคุมเรื่องการเงินด้วยตัวเองหรือหากไม่สามารถทำได้ควรให้บุคคลที่เราไว้ใจได้ทำงานนี้เท่านั่น แต่ถ้าหากว่าเราไม่สะดวกและจำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นทำ

จริงๆเราสามารถที่จะจ้างบริษัทที่ทำเกี่ยวกับพวกบัญชีและการเงินเข้ามาช่วยดูแล เพราะวิธีนี้โอกาสที่พนักงานจะยักยอกเงินได้นั้นถือว่าน้อยมาก ปัจจัยที่สำคัญต่อไปก็คือการจัดการด้านบุคคลากร หากเราต้องการการจัดสรรพนักงานทีเป็นระบบระเบียบเราจะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานเหล่านั้น โดยการบริหารคนจะต้องมีความยุติธรรมและชอบธรรม รวมถึงดูแลพนักงานเหล่านั้นให้คุ้มค่ากับสิ่งที่พนักงานเหล่านั้นทำเพื่อบริษัทเรา เช่น โบนัสพิเศษหากผลประกอบการดี มีวันหยุดพักร้อนประจำปีที่เหมาะสม สวัสดิการที ดีมีค่ารักษาพยาบาลหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ สิ่งเหล่านี้เราอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กับพนักงานแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่เพิ่มกำลังใจในการทำงานที่ดีเลยทีเดียว แน่นอนว่าปัจจัยนี้จะเป็นปัจจัยที่มีปัญหามากอย่างหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจครอบครัว ดังนั้นหากเราต้องการที่จะลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นเราควรที่จะแบ่งสรรปันส่วนหน้าที่การงานให้เหมาะสมกับคนในครอบครัว ใครถนัดด้านไหนก็ให้ทำงานด้านนั้นไป

ปัจจัยต่อมาคือกลยุทธ์ต่างๆในการบริหารงาน อาทิเช่น เราควรจะหากลยุทธ์ที ดีในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น หรือกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจของเราไปต่อได้ ซึ่งจะต้องมีการระดมความคิดกันอยู่เสมอโดยเฉพาะทีมผู้บริหาร หากต้องการที่จะมีกลยุทธ์ที่ดีแปลกใหม่ทันสมัย มีข้อแนะนำคือเปิดโอกาสพนักงานในทีมอื่นๆที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของเราเข้ามาประชุม เราจะได้เห็นความคิดและวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆเพราะมิฉะนั้นเราจะได้แค่ความคิดเดิมๆหรือค่านิยมเดิมเท่านั้น

เนื้อหาทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นการสรุปหลักในการบริหารธุรกิจครอบครัวโดยที่เราจะเห็นได้ว่าหากว่าเราต้องการที่จะให้ธุรกิจครอบครัวของเราประสบความสำเร็จและยังสามารถถ่ายทอดต่อไปอีกในรุ่นลูกรุ่นหลาน เราจะต้องคำนึงถึงจุดเด่นและจุดด้อยของทำการธุรกิจครอบครัวและพยายามนำเอาจุดเด่นมาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพยายามลดหรือกำจัดจุดด้อยของการทำธุรกิจออกไปให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้เราก็ควรที่จะคำนึงถึงปัญหาเฉพาะที่จะเกิดขึ้นระหว่างคนในครอบครัวเป็นพิเศษ เพราะความสัมพันธ์มันก็เหมือนดาบสองคมพร้อมที่จะทำให้เกิดทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญเราจะต้องให้ความสำคัญกับทุกส่วนที่ช่วยกันผลักดันธุรกิจให้ก้าวหน้าขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลากรภายใต้การบังคับบัญชาของเราด้วย โดยการที่เราเป็นผู้นำที่มีความสามารถ วิสัยทัศน์ที่ดี และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ธรกิจเกิดประโยชน์สูงสุด เพียงเท่านี้เราก็สามารถสานต่อการบริหารธุรกิจครอบครัวให้ก้าวหน้าต่อไปได้สู่รุ่นลูกรุ่นหลาน

แสดงความคิดเห็น