ปัญหาธุรกิจ 9 อย่างที่คาดไม่ถึงเมื่อธุรกิจเติบโต
เมื่อเราเริ่มสร้างบริษัท แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของเราก็คือการสร้างรายได้ และหาวิธีที่จะอยู่รอดได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจาก ใครๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราอาจจะต้องทำใจไว้สักนิดว่า ไม่ว่าอย่างไรแล้วการทำธุรกิจจะต้องเจอปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีหลายแง่มุมที่ เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาได้ ซึ่งทาง INCquity ได้ลองลิสต์ปัญหาที่พบบ่อยมาจากหลายๆ ธุรกิจมาให้ดูเป็นตัวอย่าง เพื่อจะได้ เตรียมรับมือกันทัน
1 อย่าปล่อยให้ภาษีมาเล่นงานเรา
ในขณะที่เรากำลังไล่ล่าหาเงินอยู่นั้น จงอย่าลืมเป็นอันขาดว่าทันทีที่เราเริ่มต้นการสร้างรายได้ รัฐบาลจะหันกลับมามองเราอีกครั้ง เมื่อเราได้เงิน จากการทำธุรกิจ ผลกำไรของเราจะถูกหักทันทีเพื่อเป็นค่าภาษี ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นจงมองไปที่กำไรหลังจากการหักภาษีแล้ว สร้าง แผนการจ่ายภาษีของเราเป็นรายไตรมาส เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้หลายพันบาทในเดือนเมษายน ซึ่งขั้นตอนการเสียภาษีธุรกิจส่วนบุคคลก็ ไม่ได้ยากเย็นอะไร ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดู [http://incquity.com/articles/money-talk/corporate-tax-process-2]
2 พยายามทำความเข้าใจผู้คนรอบตัว
ความไว้วางใจเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ suppliers ลูกค้าและพนักงานของเรา แต่ทุกคนย่อมมีข้อบกพร่องในตัวเอง พนักงานหลายคนอาจสนใจแค่ผลตอบแทนที่ได้จากการทำงานแต่ละวัน (ซึ่งอาจจะหมายถึงเงินเดือน) ทำงานให้หมดไปวันๆ แล้วรอวันที่เงิน เดือนออกอย่างใจจดใจจ่อ
แต่คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจจงพยายามมองเข้าไปให้ลึกกว่านั้น มองให้่เห็นแรงจูงใจของแต่ละคน มองว่าพวกเขาต้องการอะไร ส่งมอบสิ่งนั้นให้กับ พนักงาน เราจะสามารถติดตามความเป็นไปของพนักงานได้ การเข้าไปอยู่ในใจของพวกเขา พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ทำให้องค์กร สามารถดำเนินต่อไปได้มากกว่า
3 กระแสเงินสดและกำไรมีความสำคัญมากกว่ารายได้
กระแสเงินสดเป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่เรียบง่าย มาทำความรู้จักกับงบกระแสเงินสดกันเถอะ [http://incquity.com/articles/startup/cash-flow-statement] หากเราไม่สนใจการทำบัญชีกระแสเงินสดแล้วอาจเกิดอันตรายอย่าง คาดไม่ถึงกับบริษัทของเรา แม้รายได้ที่ได้เข้ามาอาจเป็นตัวเลขที่ดูดี แต่ถามว่าทั้งหมดที่ได้รับมาเป็นรายรับทั้งหมดจริงหรือ? คำตอบย่อมไม่ใช่ อย่างแน่นอน เมื่อต้องนำมาหักต้นทุนในการขาย การใช้จ่าย CEO ที่ประสบความสำเร็จล้วนโฟกัสไปที่กำไรมากกว่ารายได้ เนื่องจากช่วยกระจาย ความเสี่ยงและช่วยให้บริษัทเจริญเติบโต
4 หากโดนฟ้องร้อง ชั่งน้ำหนักตัวเลือกก่อนที่จะไปศาล
หากหนึ่งในผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรามีข้อบกพร่องขึ้นมา หมายถึงเรามีแนวโน้มที่จะโดนฟ้องร้อง เมื่อเราได้ยินข่าวอันน่ากลัวนี้และเกิดอาการ ตื่นตระหนก เราจะคิดไปต่างๆ นานาๆ โลกกำลังจะถล่ม ธุรกิจกำลังจะโดนพรากไปจากเรา ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขอให้มีสติและปรึกษาทนายความของเรา บอกความจริงแก่พวกเขาทุกอย่าง เพื่อที่ทนายเหล่านั้นจะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดกับเรา
ชั่งน้ำหนักของตัวเลือกให้ดีก่อนที่จะลงไปต่อสู้ในศาลหรือ จัดการเรื่องราวนอกศาลด้วยระบบกฏหมายที่มีราคาค่อนข้างสูง นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมตามกฏหมายแล้ว เรายังต้องเสียเวลา เสียต้นทุน เสียโอกาสในการสร้างรายได้ ชั่งน้ำหนักให้ดี เลือกตัวเลือกที่ค่าใช้จ่ายน้อย แต่ต้องแน่ใจว่าวิธีนั้นถูกต้องตามจริยธรรม
5 เราสามารถทำธุรกิจของเราได้ทุกที่ แต่สถานประกอบการก็ยังคงสำคัญอยู่ดี
มันเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับเราอย่างมากเมื่อเราสูญเสียการเสนอราคากับลูกค้ารายใหม่เพียงเพราะเราไม่มีสถานประกอบการที่จับ ต้องได้ เรารู้ดีว่าเรามีทีมงานที่ดีกว่าคู่แข่ง เรามีทางออกที่ดีสำหรับลูกค้า แต่เราไม่มี office! ในโลกปัจจุบันเราสามารถทำงานจากที่บ้าน ร้าน กาแฟ หรือที่ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามสำหรับธุรกิจขนาดกลางขึ้นไป องค์กรของเราจำเป็นต้องมีสำนักงาน! ทำไมกันล่ะ? เพราะว่ามันสร้างความเชื่อถือให้กับลูกค้า แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้อยู่อย่างลอยๆ ในตอนต้นเราสามารถใช้พื้นที่ร่วมกับบริษัทอื่นก็ได้ มอง หาสถานที่ที่มีโต๊ะเล็กๆ แต่มีห้องประชุมที่ดี (ที่ใช้ร่วมกับบริษัทอื่น) อย่างเช่น co-working space [http://incquity.com/articles/startup/coworking-space] เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าของเรา ลักษณะของความเป็นมืออาชีพ จะทำให้เราแตกต่างคู่แข่ง
6 การบ้านยังมีอยู่เสมอหลังจากที่เราจบการศึกษา
การทำการบ้านในทางธุรกิจคือสิ่งต่างๆ ที่ทำให้บริษัทของเราดีขึ้นและเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจได้ จำวันที่เราไปโรงเรียนและลืมทำการบ้านได้อยู่ไหม? ในวันนั้นเราอาจได้รับการลงโทษตั้งแต่ตำหนิเล็กน้อยไปจนถึงขั้นที่รุนแรงขึ้น แต่ในทางธุรกิจ มันแตกต่างออกไป การทำการบ้านในทางธุรกิจคือสิ่งต่างๆ ที่ทำให้บริษัทของเราดีขึ้นและเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจได้ ถ้าไม่เริ่มทำการบ้านเสียตั้งแต่ วันนี้ เราอาจต้องสูญเสียการเสนอราคา สูญเสียลูกค้ารายใหม่ หรือได้รับการลงโทษจากรัฐบาลเนื่องจากส่งภาษีไม่ตรงเวลา ทำการบ้านของเราให้ ดีก่อนที่จะเจอเรื่องหนักหนาดีกว่
7 ป้องกันตัวเองอย่างถูกกฏหมาย
จากข้อ 4 เรามั่นใจว่าเราป้องกันตัวเองอย่างถูกกฏหมาย อย่าลืมลงทะเบียนชื่อเครื่องหมายการค้าของเรา ปฏิบัติตามกฏหมายของรัฐและระดับชาติ แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาและเงินในการปกป้องตัวเอง แต่มันก็เป็นการใช้เงินที่คุ้มค่า อย่าลืมค้นหาทนายมือดีสักคนที่มีความเชี่ยวชาญใน อุตสาหกรรมของเราเพื่อช่วยให้เราเตรียมสัญญาทางกฏหมายที่ถูกต้องเกี่ยวกับพนักงานของเรา ข้อตกลงในการรักษาความลับต่างๆ และอื่นๆ ทนายความที่ดีจะช่วยให้เราคิดในสิ่งที่เราไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
8 อย่าเผาไหม้เวลาไปกับงานเพียงอย่างเดียว ให้เวลากับตัวเองบ้าง
หนึ่งในความท้าทายที่สุดคือ “การจัดการเวลา” โดยเฉพาะการจัดเวลาว่างให้กับตัวเอง หลายคนคงเคยวางแผนว่า อยากจะมีช่วงเวลาที่ไม่ต้องทำ อะไรบ้าง แต่หากเรากำลังมุ่งเน้นไปที่การทำธุรกิจ ตลอดทุกวันทุกชั่วโมง ตลอดเวลา อาจทำให้เราขาดการมองเห็นภาพรวมออกไป เนื่องจากสนใจ เฉพาะรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ ลองใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับตัวเราเองบ้าง ให้จิตใจได้พักผ่อนจากการเหนื่อยล้าตลอดอาทิตย์ ให้ตัว เองได้อยู่ห่างจากโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ปล่อยใจให้สบาย แล้วจะพบว่าความคิดใหม่ๆ ดีๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้
9 ยังไงก็ต้องเจอกับความผิดพลาด
เราไม่ได้รู้ทุกอย่าง และเราก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างด้วย แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้จะมีความเร็วสูง แต่เราก็ไม่สามารถสนใจทุกสิ่งอย่าง ทุกแง่ มุมของธุรกิจได้อยู่ดี ความล้มเหลวไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป จงเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้น ล้มเหลวอย่างรวดเร็ว และลุกขึ้นอย่าง รวดเร็ว อย่าจมอยู่กับตัวเองในความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้น จงมุ่งหน้าตรงออกไปเพื่อแก้ไขปัญหา ตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว เรียนรู้จาก มันแล้วมันจะไม่เกิดขึ้นอีก
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปิดธุรกิจแล้วดำเนินต่อไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่หากเราเตรียมตัวมาดี ป้องกันความผิดพลาดทุกทางที่อาจเกิดขึ้น อาจมีล้ม ลุกคลุกคลานบ้าง แต่จำไว้ว่าทุกคนผิดพลาดกันได้ จงเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้นแล้วก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง