ร้านโชว์ห่วย “ธนพิริยะ”
ขึ้นแท่นโชว์ห่วยอันดับ 1 แห่งเชียงราย สร้างจุดแข็งสู้โมเดิร์นเทรด
ในบริเวณหัวมุมถนนของประเทศไทย จะมีร้านโชว์ห่วยตั้งอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นการประกอบอาชีพของชาวบ้านที่ต้องการสร้างรายได้ แต่ต่อมาได้มีกลุ่มห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าโมเดิร์นเทรดของทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มทำการตลาดในประเทศไทย ทำให้ร้านโชว์ห่วยเหล่านี้ต้องปิดตัวลงไปจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถสู้ได้ทั้งในเรื่องราคาหรือชนิดสินค้าภายในร้าน จนปัจจุบันนี้ภาพร้านโชว์ห่วยตามหัวมุมถนนนั้นสามารถหาได้ค่อนข้างยากแล้วในเมืองกรุง
แม้ว่าการปิดตัวลงของร้านโชว์ห่วยจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของอำนาจทุนนิยม แต่ยังมีร้าน “ธนพิริยะ” ที่มองเห็นโอกาสที่เกิดในวิกฤตินี้ เพราะทำให้ผู้ก่อตั้ง “คุณธวัชชัย พุฒิพิริยะ” หรือเป็นที่รู้จักกันในจังหวัดเชียงรายว่า “เฮียแก้ว” ได้นำจุดเด่นของร้านโมเดิร์นเทรดสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อลดจุดอ่อนของร้านโชว์ห่วยแบบเก่า ซึ่งสามารถสร้างผลกำไรและการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
จุดเริ่มต้นของร้านโชว์ห่วยธนพิริยะมาจากเดิมนั้นเฮียแก้วจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อาหารแล้วได้ทำงานประจำสักพักจนลาออกมารับช่วงต่อกิจการครอบครัวคือร้านโชว์ห่วยชื่อ “โง้วทองชัย” ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย สำหรับระบบการบริหารจัดการเดิมนั้นเป็นไปด้วยความไร้ระบบการจัดการใดๆ แต่ร้านได้แรงสนับสนุนจากคนในพื้นที่ซึ่งเปรียบเสมือนญาติพี่น้องจึงยังสามารถเติบโตอยู่ได้ แต่เมื่อเขากลับมารับช่วงต่อด้วยมุมมองของคนรุ่นใหม่ จึงมีความต้องการที่จะปรับปรุงระบบต่างๆให้สามารถสู้กับโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ได้
เริ่มต้นจากการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งโมเดิร์นเทรดและร้านของตนเอง และเริ่มวางระบบภายในร้านให้มีการบริหารจัดการที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากระบบบัญชีเพราะเป็นระบบที่สำคัญมากของบริษัท ต่อมาจึงพัฒนาระบบของการรับพนักงานเพื่อบดอัตราการลาออกซึ่งช่วยให้ลดต้นทุนได้จำนวนมาก ถึงแม้ว่าการปรับปรุงระบบนี้จะทำให้ร้านเดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้นแต่ก็ยังคงโดนชิงส่วนแบ่งทางการตลาดโดยโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ ทำให้ยอดขายตกลงไปมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์
ต่อมาเขาจึงตัดสินใจลงทุนเงินกว่า 1 ล้านบาทในการจ้างเขียนโปรแกรมชื่อว่า “เติมเต็ม” เพื่อนำมาใช้ในการตัดสต็อกอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาการทุจริตของพนักงาน สามารถเก็บข้อมูลความต้องการของสินค้าได้แบบ Real time และยังทำให้ร้านสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ดีมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีต้นทุนสูงถึง 10 ล้านบาท หลังจากมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแล้วเหลือเพียงประมาณ 4 ล้านบาทเท่านั้น
นอกจากปรับปรุงจุดอ่อนของร้านว์ห่วยแล้วยังมีการสร้างจุดแข็งให้แก่แบรนด์ตามสโลแกน คือ “ราคาถูกจริง ชอปปิ้งถูกใจ อยู่ใกล้บ้าน” โดยการนำลักษณะการดำเนินธุรกิจของร้านโชว์ห่วยแบบเดิมและโมเดิร์นเทรดสมัยใหม่มาประยุกต์เข้าด้วยกัน ที่แม้ว่าพื้นที่ของร้านนั้นจะมีขนาดเล็กกว่าแต่สินค้าที่มีให้ลูกค้าเลือกสรรนั้นมีจำนวนมากเทียบเท่ากับที่วางในห้างสรรพสินค้า เพราะทางร้านได้ใช้กลยุทธ์การวางสินค้าให้มีความหลากหลาย แต่ปริมาณน้อย
นอกจากนี้จุดแข็งของธนพิริยะอีกอย่างหนึ่งคือ การบริการที่เป็นแบบครอบครัวเพราะแต่ละร้านนั้นมีขนาดเล็กทำให้สามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ซึ่งที่มานั้นมาจากการสังเกตการจับจ่ายสินค้าของผู้หญิงที่มาคนเดียวมักจะไม่สามารถขนสินค้าที่ซื้อเป็นจำนวนมากได้ ทางร้านจึงมีบริการเดินไปส่งสินค้าให้ถึงรถ สามารถสร้างความประทับใจและซื้อใจลูกค้าได้ไม่ยาก
จนปัจจุบันนี้ร้านโชว์ห่วยธนพิริยะได้ขยายสาขาไปทั่วจังหวัดเชียงใหม่กว่า 14 สาขา อีกทั้งยังมีรายได้กว่า 1,300 ล้านบาทในปี 2558 และคาดว่าสิ้นปี 2559 จะสามารถสร้างรายได้ได้กว่า 1,400 ล้านบาท มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยของธุรกิจประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ความสามารถในการบริหารร้านโชว์ห่วยรูปแบบใหม่ของธนพิริยะยังได้มีการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI เพื่อให้มีเงินทุนและมีผู้บริหารที่มีความสามารถมาดูแลกิจการอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลติดต่อร้านโชว์ห่วย
ที่ตั้ง : บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 661 หมู่ 24 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000
โทรศัพท์ : 053-756484
โทรสาร : 053-756484
E-mail : tanapiriya@gmaill.com
เว็ปไซต์ : http://www.thanapiriya.co.th
หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพจาก : ผู้จัดการออนไลน์