ร้านโชห่วย “บิ๊กเต้” ลีลาขายของด้วยข้อความชวนคิด ขบขัน กลยุทธ์เข้าถึงลูกค้า

ร้านโชห่วย “บิ๊กเต้” ลีลาขายของด้วยข้อความชวนคิด
ขบขัน กลยุทธ์เข้าถึงลูกค้า

ร้านโชห่วยเป็นร้านค้าขนาดไม่ใหญ่มาก ขายสินค้าจิปาถะหลายๆอย่างประเภทอาหารและของใช้ เดิมทีนั้นร้านโชห่วยนับเป็นรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการทำงานที่ค่อนข้างสงบ ไม่พบเจอกับเพื่อนร่วมงานมาก เพราะได้เป็นเจ้าของร้านคนเดียว มีหน้าที่เพียงเฝ้าร้านและขายสินค้าเท่านั้น แต่เมื่อนายทุนรายใหญ่ได้เจาะตลาดธุรกิจร้านขายปลีกที่มีลักษณะการให้บริการคล้ายกัน ทำให้พ่อค้าแม่ขายหลายร้านต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่สามารถสู้กับจำนวนร้านของนายทุนที่มากมายเหล่านั้นได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีร้านโชห่วย “บิ๊กเต้” ที่แม้จะได้รับผลกระทบเช่นร้านอื่นๆ แต่ “คุณเต้-ศตวัสส์ ฝ่ายรีย์” ผู้เป็นเจ้าของได้ใช้ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจที่ตนเรียนมา ทำให้ร้านของเขาสามารถครองใจลูกค้าบริเวณนั้นได้จำนวนมาก จุดเริ่มต้นของร้านบิ๊กเต้มาจากแม่ของภรรยาเขาต้องการให้ทั้งคู่ทำงานอยู่ที่บ้านคือ การเปิดร้านโชห่วย เมื่อได้พิจารณาทำเลที่ตั้งแล้วว่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่มีคนสัญจรไปมาจำนวนมาก โดยเฉพาะนักศึกษา ประกอบกับตัวเขาเองนั้นมีความรู้พื้นฐานทางด้านการบริหารธุรกิจ จึงคิดว่าจะสามารถทำให้กิจการของตนเติบโตได้ไม่ยาก

สินค้าของร้านโชห่วยบิ๊กเต้นั้นมีหลากหลายทั้งของกินและของใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษา  แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับคำโฆษณาสินค้าแต่ละชนิดของทางร้านที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะและความสนใจของผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดีจนเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากโดยอัตโนมัติถึงความยียวนหรือความตลกของคำโฆษณา เช่น เห็นข้อสอบแล้วจะเป็นลม มีเต้มียาดมไว้บริการ, ไข่ต้มแก้บนฟองละ 7 บาท ต้องการจำนวนมากมีส่วนลดให้, ถุงยางคุมะ 59.- ให้น้องหมีคุมะเป็นพยานรักของสองเรา ของแท้จากญี่ปุ่น เป็นต้น

นอกจากกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่ดีเยี่ยม สามารถสร้างความสนิทสนมกับลูกค้าแล้ว ทางร้านโชห่วยยังมีการใช้กลยุทธ์เหมืองข้อมูล เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้เจ้าของกิจการเข้าใจในพฤติกรรมต่างๆและสามารถคาดเดาความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยอาศัยข้อมูลว่าลูกค้าเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร ซื้อสินค้าอะไร เมื่อไหร่ ฯลฯ สำหรับวิธีการทำเหมืองข้อมูลนั้นไม่ยากเพราะในปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้อย่างสะดวก

จากความรู้ด้านการบริการธุรกิจที่คุณเต้มีทำให้เขาสร้างกลยุทธ์ของตนเองขึ้นมาชื่อว่า TREAT มีความหมายดังนี้

• T หมายถึง Teenage กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของทางร้านคือกลุ่มวัยรุ่นระดับนักศึกษาประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์
• R หมายถึง Rareitem เป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่สามารถหาได้ตามร้านขายของชำหรือร้านโชว์ห่วยรายอื่น
• E หมายถึง Entrepreneur ทางร้านสนับสนุนการเป็นเจ้าของกิจการของนักศึกษา โดยมีการรับฝากขายสินค้าจากนักศึกษาที่สนใจ
• A หมายถึง As you wish ทางร้านพยายามให้บริการแก่ลูกค้าทุกคนให้ได้ตามความต้องการ
• T หมายถึง Trendy มีการคาดการณ์และจับกระแสสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมในสายตาของลูกค้าเป้าหมายของทางร้าน โดยการศึกษาข้อมูลจากโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ เช่น Facebook Line หรือ Pantip

ด้วยกลยุทธ์ทั้งหลายนี้ทำให้กระแสตอบรับของร้านโชห่วยบิ๊กเต้นั้นดีมาก สามารถครองใจลูกค้าได้แม้ว่าบริเวณใกล้เคียงจะมีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่กว่า 2 ร้านก็ตาม ทั้งนี้นอกจากการโฆษณาแบบปากต่อปากที่ได้แรงสนับสนุนจากลูกค้าแล้ว ทางร้านยังมีการโฆษณาผ่าน Facebook โดยมีการตั้งเพจร้านบิ๊กเต้ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้นักศึกษาและลูกค้ารายอื่นสามารถสอบถามสินค้าหรือปรึกษาปัญหาที่เกี่ยวกับสินค้าได้ และแน่นอนว่าการตอบคำถามของลูกค้านั้นยังคงจุดเด่นของร้านคือความยียวนและความตลก

จนปัจจุบันนี้ร้านโชห่วยบิ๊กเต้เปิดมาได้เพียง 2 ปี แต่มีการขยายสาขาได้มากถึง 2 สาขาได้แก่ สาขาใต้หอพักซันต้า ตรงข้ามสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย และสาขาในหอพัก 2BCasa หัวมุมฝั่งธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เรียกได้ว่าเป็นร้านโชห่วยรุ่นใหม่ที่ใส่ใจนักศึกษาอย่างดีเยี่ยม

 

ข้อมูลติดต่อร้านโชห่วยบิ๊กเต้
Facebook :www.facebook.com/BigTeShop
เบอร์โทรศัพท์ : 081-2542113

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น