น้ำปลาร้า เคยเป็นสินค้ามาแรง ดารา เซเลป ต่างแห่สร้างแบรนด์ แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มอิ่มตัว ความต้องการของผู้บริโภครายย่อยลดลง
ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ว่า ตลาดน้ำปลาร้าเคยเติบโตสูง สาเหตุหลักๆ มาจาก
- มาตรฐานความสะอาดที่ดีขึ้น: จากการขายในห้างสรรพสินค้า ผู้บริโภคเริ่มมั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย
- กระแสร้านยำ: ร้านยำมีจำนวนมากขึ้น ต้องการน้ำปลาร้าปรุงสุกที่มีรสชาติเฉพาะตัว สะดวก และเก็บไว้ได้นาน
- โควิด-19: ผู้คนกักตัว สั่งอาหารออนไลน์ น้ำปลาร้าปรุงสุกจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวก
แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มขาลง สาเหตุหลักๆ มีดังนี้
- ร้านส้มตำกลับมาเปิด: ผู้คนสามารถทานส้มตำนอกบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำปลาร้ามาทำเอง
- น้ำปลาร้า 1 ขวดใช้ได้นาน: ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อบ่อย
- ค่าส่งออนไลน์: ทำให้ราคาไม่คุ้มค่า
ดร.ภูษิต มองว่า ตลาดน้ำปลาร้าจะหดตัวลง แต่ยังมีโอกาสเติบโต**
- ร้านยำยังต้องการน้ำปลาร้า: ร้านยำยังมีจำนวนมาก และยังต้องการน้ำปลาร้าปรุงสุกที่มีคุณภาพ
- ตลาดต่างประเทศ: ยังมีศักยภาพ คนไทยในต่างประเทศยังมีความต้องการน้ำปลาร้า
แนวทางเอาชีวิตรอด ของธุรกิจน้ำปลาร้า
- เน้นคุณภาพ: รสชาติต้องเป็นเอกลักษณ์ คงที่ ปลอดภัย สะอาด
- วางแผนการตลาด:
- เน้นช่องทางออนไลน์
- เจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ
- สร้างแบรนด์ให้แตกต่าง
- ปรับตัวให้ทัน:
- พัฒนารูปแบบสินค้า
- ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ตัวอย่าง
- แบรนด์น้ำปลาร้าที่เน้นคุณภาพ
- ใช้วัตถุดิบชั้นดี
- ควบคุมกรรมวิธีการผลิต
- มีมาตรฐานการรับรอง
- แบรนด์น้ำปลาร้าที่วางแผนการตลาด
- เน้น Influencer Marketing
- ทำโปรโมชั่น
- สร้าง Content ดึงดูดลูกค้า
- แบรนด์น้ำปลาร้าที่ปรับตัว
- พัฒนาสูตรน้ำปลาร้าแบบใหม่
- จำหน่ายในรูปแบบซอง
- เจาะตลาดต่างประเทศ
สรุป ตลาดน้ำปลาร้าไม่ตาย แต่ขาลง ธุรกิจต้องปรับตัว เน้นคุณภาพ การตลาด และสร้างจุดเด่น
แสดงความคิดเห็น