KSME แนะปรับตัว รับวิกฤตทัวร์ศูนย์เหรียญ

 

นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลตรุษจีนช่วงต้นปี วันหยุดยาวช่วงวันชาติจีน (1-7 ตุลาคมของทุกปี) ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการด้านที่พัก นำเที่ยว บริการอาหารและเครื่องดื่ม ต่างได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีน

ทัวร์จีนศูนย์เหรียญ คือ ธุรกิจนำเที่ยวจากจีนที่ขายแพ็กเกจทัวร์ราคาถูกมากๆ แล้วส่งต่อนักท่องเที่ยวเหล่านั้นมาให้บริษัทนำเที่ยวในไทยพาเที่ยว แต่บริษัทจีนไม่จ่ายค่าพาเที่ยวให้กับบริษัทไทยแม้แต่เหรียญเดียว ซึ่งบริษัทไทยจะหารายได้จากการพานักท่องเที่ยวเข้าร้านค้าในเครือข่าย เช่น ร้านขายของที่ระลึก ร้านจิวเวลรี่ วัตถุมงคล ซึ่งขายด้วยราคาสุดโหดกว่าความจริง แล้วพยายามทำทุกวิถีทางให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายให้มากที่สุดเพื่อเอากำไรมาชดเชยกับค่าใช้จ่าย โดยหากนักท่องเที่ยวไม่ยอมซื้อหรือจ่ายเงินซื้อยอดไม่ได้ตามเป้า ก็จะมีการบังคับขู่เข็ญ ยึดพาสปอร์ต กระทั่งลอยแพนักท่องเที่ยว จึงนำไปสู่การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจนำเที่ยวที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านี้ นอกจากนี้ยังทำให้ราคาทัวร์มาเที่ยวประเทศไทยมีราคาแพงขึ้น นักท่องเที่ยวจีนที่ซื้อทัวร์ราคาถูกจึงมีจำนวนลดลง แต่กลับไม่กระทบกลุ่มที่ซื้อทัวร์ระดับบน เนื่องจากไทยยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจที่สุดในภูมิภาคนี้ของนักท่องเที่ยวจีน เพราะมีรูปแบบการท่องเที่ยวหลากหลาย คุณภาพการให้บริการดี และมีระยะทางไม่ไกลจากจีน นักท่องเที่ยวจึงไม่ต้องวางแผนล่วงหน้านาน ซึ่งจากการจัดระเบียบที่เกิดขึ้นเรามีแนวทางการปรับตัวให้เอสเอ็มอีที่ทำตลาดกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ดังนี้

1. ปรับรูปแบบทัวร์ให้สอดคล้องกับต้นทุนและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ปรับเปลี่ยนแพ็กเกจหรือกิจกรรมด้านท่องเที่ยวให้น่าสนใจ อาจมีการเสนอทัวร์เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา กัมพูชา เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับแพ็กเกจทัวร์ นอกจากนี้อาจปรับให้ทัวร์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเองอย่างอิสระได้ 1 วัน เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและช่วยให้ทัวร์น่าสนใจขึ้น

2. เน้นทำตลาด FIT และกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวซ้ำ ในปี 2559 นี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยตลาดท่องเที่ยวเอง (Foreign Independent Traveler: FIT) มีการเติบโตต่อเนื่องอย่างน่าจับตามอง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์ถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มเดินทางกลับมาท่องเที่ยวซ้ำสูง ปัจจุบันชาวจีนเดินทางกลับมาเที่ยวไทยซ้ำ 41.1% ของจำนวนชาวจีนทั้งหมดที่เข้ามาเที่ยวในไทย แต่การจับตลาด FIT ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นช่องทางหลักที่ตลาดกลุ่มนี้ใช้หาข้อมูลและสำรองตั๋วโดยสารเครื่องบินหรือห้องพัก

3. รักษาภาพลักษณ์ด้วยการรักษาคุณภาพของการบริการ นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยครั้งแรก ดังนั้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรใส่ใจเรื่องคุณภาพการให้บริการ ความชัดเจนของราคาสินค้าและบริการเพื่อป้องกันการหลอกลวงนักท่องเที่ยว มีการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว รวมถึงบุคลากรที่สามารถสื่อสารภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความประทับใจ นำไปสู่การบอกต่อ และแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ชาวจีนรุ่นใหม่ใช้หาข้อมูลวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

4. ใช้สื่อออนไลน์กระตุ้นตลาดจีน ชาวจีนในปัจจุบันสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น มีการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันอย่าง WeChat, Twitter และ Weibo มีการใช้แอปพลิเคชันที่แนะนำการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยควรใช้ช่องทางเหล่านี้ในการสื่อสารกับลูกค้าชาวจีนกลุ่มเป้าหมาย และประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตลาด FIT ที่มีทั้งกำลังซื้อและมีไลฟ์สไตล์สนใจการท่องเที่ยวต่างประเทศ

การแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมานานกลับเป็นผลดีกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพราะจะช่วยให้การท่องเที่ยวของไทยมีคุณภาพมากขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดี และมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางกลับมาเที่ยวซ้ำ เพราะนักท่องเที่ยวจีนยังมองว่าประเทศไทยคือปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างความประทับใจมากเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่วนเมืองรองที่กำลังได้รับความนิยม ได้แก่ กระบี่ สมุย เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งทะเล ภูเขา กิจกรรมล่องเรือ กิจกรรมผจญภัย รวมถึงกิจกรรมบันเทิงและการแสดงต่างๆ ทำให้ไทยจึงยังเป็นประเทศยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีไทยควรรักษาคุณภาพเพื่อครองใจนักท่องเที่ยวเอาไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก KSME

แสดงความคิดเห็น


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *