มะม่วงน้ำดอกไม้ถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายที่สูงและความต้องการของตลาดยังไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่ วันนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับการปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้อย่างละเอียด พร้อมแนวทางการขายเพื่อหารายได้เสริม
วิธีปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้
1. การเลือกพันธุ์และแหล่งซื้อ
– เลือกซื้อต้นกล้าคุณภาพดีจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัยหรือศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเชื้อ
– พันธุ์แนะนำ เช่น พันธุ์ขอนแก่น 3 พันธุ์สุรินทร์และพันธุ์ศรีนครินทร์
2. การเตรียมดิน
– เลือกดินร่วนซุยผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักให้เหมาะสม
– ควรปรับสภาพดินให้มีความเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5)
3. การปลูก
– ขุดหลุมปลูกขนาด 60x60x60 ซม. ห่างกัน 6-8 เมตร
– ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม จากนั้นจึงวางต้นกล้าลงไป
4. การดูแลรักษา
– พรวนดินเป็นระยะเพื่อระบายอากาศให้รากพืช
– ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแล้ง อัตราการให้น้ำ 20-40 ลิตรต่อต้นต่อสัปดาห์
– ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปีละ 2 ครั้ง พร้อมการใส่ปุ๋ยอินทรีย์
เคล็ดลับการเพิ่มผลผลิต:
– ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ไม้ผลผลิตสม่ำเสมอ
– ป้องกันแมลงศัตรูพืชด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
– ดูแลต้นไม้ให้แข็งแรงด้วยการบำรุงดินและปุ๋ยที่เหมาะสม
การคำนวณต้นทุน-รายได้เบื้องต้น
1. ต้นทุนการลงทุนปีแรก
– ค่าต้นกล้า 20 บาท x 50 ต้น = 1,000 บาท
– ค่าดินปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี = 2,000 บาท
2. รายได้จากผลผลิตปีที่ 3 เป็นต้นไป (สมมติราคาขาย 50 บาท/กิโลกรัม)
– ผลผลิต 10 กก./ต้น x 50 ต้น x 50 บาท = 25,000 บาท
แนะนำช่องทางการขายมะม่วงน้ำดอกไม้
– ขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง
– ขายปลีกผ่านออนไลน์หรือตลาดนัด ซึ่งจะได้ราคาสูงกว่า
– แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำผลไม้หรือแยมก็เพิ่มมูลค่าได้
การปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้จึงถือเป็นอาชีพทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการลงทุนไม่สูงมาก แต่สามารถสร้างรายได้ค่อนข้างดี หากรู้จักวางแผนการตลาดและขายในช่องทางที่เหมาะสม คุณก็อาจรวยได้จากมะม่วงน้ำผลเล็กๆ นี้