ผักบุ้งเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่ปลูกง่าย โตไว และมีความต้องการของตลาดสูง ทำให้หลายคนหันมาปลูกผักบุ้งไฮโดรโปนิกส์เพื่อขายเป็นรายได้เสริม วันนี้เรามีเคล็ดลับวิธีปลูก ผักบุ้งไฮโดรโปนิกส์ มาฝากกัน พร้อมแนะนำช่องทางการตลาดและการสร้างรายได้ ดังนี้
ขั้นตอนการปลูกผักบุ้งไฮโดรโปนิกส์
1. เตรียมอุปกรณ์ปลูก เช่น ถาดหลุม ฟองน้ำ เมล็ดพันธุ์ผักบุ้ง สารละลายธาตุอาหาร และโรงเรือน
2. นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งแช่น้ำ 4-6 ชม. แล้วเพาะลงในฟองน้ำที่ชุบสารละลายธาตุอาหาร
3. วางถาดหลุมไว้ในโรงเรือนที่มีแสงแดดส่องถึงวันละ 4-6 ชม. หากอากาศร้อนเกินไปควรใช้ตาข่ายพรางแสง
4. รดน้ำด้วยสารละลายธาตุอาหารเช้า-เย็น ระวังอย่าให้แฉะเกินไป
5. เมื่อผักบุ้งอายุได้ 7-10 วัน สามารถเก็บขายได้
เคล็ดลับปลูกผักบุ้งไฮโดรให้ได้ผลผลิตดี
– ใช้สายพันธุ์ผักบุ้งที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและโรคแมลง เช่น ผักบุ้งกุ้ยช่าย ผักบุ้งจีน ผักบุ้งไต้หวัน
– ควบคุมสภาพแวดล้อม อุณหภูมิ แสง ความชื้น ในโรงเรือนให้เหมาะสม
– ควรปลูกหมุนเวียนสลับกับผักชนิดอื่น เพื่อลดความเสี่ยงโรคแมลง
– เลือกใช้สารละลายธาตุอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพ หรือผสมเอง ให้มีองค์ประกอบที่เหมาะสม
ต้นทุนและผลกำไร
หากปลูกผักบุ้งไฮโดร 1 ตร.ม. จะมีต้นทุน ดังนี้
– ค่าวัสดุอุปกรณ์ 200 บาท (คิดค่าเสื่อมราคา)
– ค่าเมล็ดพันธุ์และสารอาหาร 50 บาท
รวมต้นทุน 250 บาท จะปลูกได้ 4 รอบ เก็บผลผลิตได้รอบละ 3 กก.
ขายผักบุ้งกก.ละ 35 บาท จะได้ยอดขาย 420 บาท/รอบ คิดเป็นกำไรสุทธิ 170 บาท/รอบ
ถ้าปลูก 10 ตร.ม. จะได้กำไรสุทธิเดือนละ 6,800 บาท
แนวทางการขาย
1. ขายส่งให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด ใกล้บ้าน สะดวก แต่ได้ราคาต่ำหน่อย
2. ขายปลีกเอง ตั้งแผงขายหน้าบ้าน หรือขายในตลาดนัด จะได้ราคาดีกว่า
3. รับออเดอร์ล่วงหน้า ลูกค้ามักเป็นพ่อครัวแม่ครัว หรือเจ้าของร้านอาหาร
4. ขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจเฟสบุ๊ค ไลน์ ลาซาด้า ช้อปปี้ ขายได้กำไรงาม
สรุป การปลูกผักบุ้งไฮโดรโปนิกส์นั้นทำได้ไม่ยาก หากศึกษาวิธีปลูก เทคนิค และเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม ก็จะสร้างรายได้พิเศษได้อย่างงดงาม ลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของตัวเองดูนะครับ