สมดุลย์ชีวิต Work-life Balance โดย “ปนิษฐา บุรี”
ชีวิตที่วิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลากับงานบริหาร การตลาดและขาย ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ศูนย์แสดงสินค้าของเอกชนที่มีความสำคัญเบอร์ต้นๆ ของประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก วันนี้ของ คุณมุก-ปนิษฐา บุรี ในฐานะลูกสาวของ ดร.ประสาน ภีรัช บุรี (ผู้ก่อตั้ง) ย่อมแตกต่างจากชีวิตวัยเด็ก และวัยเรียน
ย้อนไปครั้งที่เคยวิ่งเล่นในสถานที่อันกว้างขวางอย่างสนุกสนานจากการติดตามคุณพ่อมาทำงานอยู่บ่อยครั้ง ได้เจอกับพนักงานทุกๆ คนที่คุ้นเคยเสมือนเป็นคนในครอบครัว กระทั่งในวันที่ก้าวเข้ามารับหน้าที่อย่างเต็มตัว เธอ ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะคุ้นเคยกับทีมงานและสถานที่อยู่เป็นทุนเดิม แต่ครั้งนี้มาในฐานะหนึ่งในทีมงาน และที่สำคัญต้องทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นได้เห็น แม้จนถึงวันนี้ เธอ บอก ยังคงต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองเหมือนเช่นเดิม
อีกครั้งของการทำงานอยู่ในช่วงเวลาของการเรียนหนังสือ คุณมุก เล่าว่า ประมาณปี 2545 ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานบ้างเพื่อเรียนรู้ส่วนของงานการตลาดและขาย แต่ทำงานไม่เต็มเวลานัก เพราะต้องยึดการเรียนเป็นหลัก จนกระทั่งเมื่อเรียนจบจาก MBA ที่ ศศินทร์ ในปี 2549 ก็ได้เริ่มทำงานอย่างเต็มตัว รับผิดชอบงานด้านการตลาด การขาย และ HR สิ่งที่คุณพ่อได้สอนอยู่เสมือก็คือ การทำงานที่ต้องกล้าตัดสินใจ ลองผิด ลองถูกด้วยตัวเอง เพราะจะเป็นทางลัดสู่การเรียนรู้งานที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของ ไบเทค ก็คือ การบริหารคน ทั้งทีมงาน และต้องประสานงานติดต่อกับลูกค้าเป็นจำนวนมาก
“คุณพ่อบอกอยู่เสมอว่า ให้ดูว่าของเดิมดีอย่างไรให้ดู และเก็บไว้เอา จากนั้นก็ค่อยๆ ต่อยอด ซึ่งตัวเองก็พยายามอยู่แต่อาจจะด้วยวิธีการที่ไม่แตกต่างออกไป”
ด้วยบทบาทสำคัญๆ ทางธุรกิจในวัยเพียงเลขสาม และความรับผิดชอบที่หนักอึ้งเกินวัย ส่งผลให้ คุณมุก สั่งสมความเครียดไปทีละเล็กละน้อยโดยไม่รู้ตัว เธอ เล่าว่า ด้วยความที่เป็นเด็กจบใหม่ ไฟแรง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนก็ไม่เป็นเวลา บวกกับความเครียดที่รุมเร้าจากการทำงานที่สุดแสนท้าทายนี้ให้ดียิ่งขึ้น เป็นที่มาของความเครียด ส่วนตัวแล้ว มุก ไม่ใช่คนเก่งที่จะทำอะไร 2-3 อย่างพร้อมๆ กัน แล้วให้ทุกอย่างออกมาดีอย่างที่ตั้งใจ และอยากจะให้เป็น ดังนั้น สิ่งเดียว เธอ เลือกแล้ว ก็คือ “ไบเทค”
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตจึงทุ่มไปที่นี่ การบริหารงานไบเทค ที่ตั้งเป้าหมายไว้ไกลถึงการเป็นเบอร์ต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียน จากความตั้งใจที่มีเป็นทุนเดิม บวกกับเป้าหมาย(ในใจ) ที่อยากจะเห็น ไบเทค ไปสู่แถวหน้าของธุรกิจ MICE คุณมุก ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าได้รับเอาความเครียดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเป็นที่เรียบร้อย หลายปีที่ผ่านมา ด้วยงานที่รับผิดชอบ การเผชิญกับคนจำนวนมาก และปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่บ่อยครั้ง เธอ รู้สึกว่าตัวเองเครียดเกือบทุกวัน แต่ก็เก็บอาการนั้นเอาไว้ ระมัดระวังไม่ให้คนรอบข้างสังเกตเห็น
เมื่อปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป นานวันเข้า เมื่อไม่ได้ระบายในสิ่งที่คิด และปัญหาที่เผชิญ เธอ ว่าทุกอย่างก็สะสมมาถึงที่บ้าน ที่เป็นบ่อยๆ ก็คือ นอนไม่หลับ นอนไม่เป็นเวลา ความเครียดที่รุมเร้า การทำงานหนักมาโดยตลอด การไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ กลับบ้านดึก และรับประทานอาหารในช่วงดึกก่อนเข้านอน ชีวิตหมุนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นปี ๆ จนกระทั่งได้เริ่มตั้งคำถามกับชีวิตตัวเอง…. ขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากทบทวนว่าตัวเองได้ทำอะไรมาบ้าง ปัญหาที่เป็นอยู่เกิดขึ้นเพราะอะไร รวมถึงบทเรียนที่ได้รับ ที่สุดก็พบว่า สุขภาพที่ไม่ดีนัก มาจากความเครียดที่สะสม โดยไม่ได้คิดที่จะจัดการอะไร กระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเจอกับคนรู้จักอีกครั้ง ด้วยบุคลิกใหม่ที่กระฉับกระเฉงและดูดีขึ้นทันตา ซึ่งก็ทำให้ คุณมุก ต้องหันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วเริ่มต้นวางกรอบชีวิตเสียใหม่
ที่ค้นพบก็คือ ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อเราดูแล และสุขภาพที่ดีขึ้นนั้นย่อมไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเอง และคนรอบข้าง (ทีมงาน และครอบครัว) 2-3 ปี มานี้ คุณมุก ใช้เวลา 6 โมงเย็นไปจนถึงทุ่มเศษ เป็นเวลา 4-5 วันต่อสัปดาห์ไปกับการออกกำลังกาย ทั้งชกมวย เทนนิส และวิ่ง กีฬาแต่ละประเภทก็ให้ความสนุกที่แตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันก็คือ ความมีวินัยในชีวิต รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดที่เกาะกุมโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ยังสร้างสมาธิทำให้จดจ่อกับงานได้มากขึ้น ท้ายสุดแล้วประสิทธิภาพของงานก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอว่า สิ่งที่ได้รับจากการออกกำลังกายอย่างจริงจังก็คือ การพัฒนาตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการวิ่ง เป็นอีกต้นทางของกิจกรรมดี ๆ ที่ชื่อ BITEC HALF MARATHON 2013 ในคอนเซ็ปต์ “Dare to Change” อยากให้ทุกคนเริ่มต้น มีความกล้าที่จะออกจากกรอบเดิม ๆ และทำสิ่งใหม่ ๆ
ความรู้สึกดีๆ ในการวิ่งปีแรกที่ได้ค้นพบ คือ ทุกคนมีแรงบันดาลใจในการวิ่ง บางคนวิ่งได้ 4 กิโลเมตรแต่ก็อยากวิ่งให้ได้ไกลกว่านั้น ความประทับใจที่เริ่มต้นจะได้รับการสานต่อมาถึงปีนี้ที่จะออกสตาร์ใน 9 กุมภาพันธ์นี้ มาในชื่อ ไบเทค ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 2 The Heart Runners วิ่งด้วยใจ ให้ด้วยรัก โดยมียอดนักวิ่งทั้งหน้าใหม่ และมืออาชีพเข้าร่วมกิจกรรมมากถึง 3,500 คน
จุดออกสตาร์ทมีขึ้นที่ไบเทค จากนั้นเส้นทางการวิ่งไปตามถนนบางนา-ตราด (ไบเทค-เมกา บางนา) ช่องทางหลัก (MAIN ROAD) เฉพาะฝั่งขาออก ปิดการจราจร 100% วิ่งสวนทาง ไป-กลับ คุณมุก เล่าว่า ส่วนตัวต้องใช้เวลาฟิตซ้อมไม่น้อยกับกิจกรรมวิ่งครั้งนี้ มีผู้รู้มาเป็นโค้ชให้คำแนะนำการวิ่งมาราธอนที่ถูกวิธี การฝึกหายใจที่ต้องถูก เป็นต้น เพื่อสร้างสถิติการวิ่งครั้งใหม่ให้กับตัวเอง จากที่เคยวิ่ง 4 กิโลเมตร ต้องขยับให้ได้ 5 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย…ไม่ใช่เพียงทำลายสถิติแค่ตัวเลข แต่นี่จะเป็นการเอาชนะใจตัวเอง เพื่อเป้าหมาย (ชีวิต) ที่ดีกว่าเดิม!
นอกจากการจัดสรรเวลาและให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นผ่านกิจกรรมหลายๆ อย่างแล้ว สิ่งที่คุณมุก ย้ำมาโดยตลอดก็คือ ความสนใจที่จะเข้าคอร์สฝึกอบรม พัฒนาตัวเอง และความคิด อยู่เสมอเมื่อมีโอกาส
ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ไม่หยุดแสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ตัวเองพร้อมอยู่เสมอในการขับเคลื่อนองค์กร เพราะเชื่อว่า พลังของคนรุ่นใหม่ เป็นพลังขับเคลื่อนที่รวดเร็ว พร้อมๆ กับ หมั่นเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า รู้จักฟังคนอื่น แล้วนำสิ่งดีๆ นั้นมาปรับใช้ในการทำงานและการใช้ชีวิต แม้จะโหมงานอย่างหนัก แต่เมื่อค้นพบแล้วว่า ชีวิตสมดุลได้ทั้งงาน และสุขภาพ ขอเพียงแค่มีวินัย และใส่ใจตัวเองอยู่เสมอ พร้อมพลังที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มร้อย เพื่อ ไบเทค
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์