อาชีพที่ไม่ต้องลงทุน ได้ยินแบบนี้แล้วหลายคนคงจะคิดว่าเป็นคำพูดขายฝัน แต่จริงๆแล้วอาชีพที่ว่านั้นมีอยู่จริง แล้วที่กล่าวว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงนั้นหมายถึง ไม่ต้องลงเช่าหน้าร้าน ไม่ต้องลงทุนสต็อก ไม่ต้องลงทุนจ้างพนักงาน อาชีพที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ใช้แค่ทักษะและความอดทน อุปกรณ์หาได้จากในบ้าน
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงจะคิดออกว่าเป็นอาชีพใกล้ตัวแหล่งทำเงินก็หาได้จากธรรมชาติ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ในต่างจังหวัดยังเป็นแหล่งทรัพยากรที่ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้
อาชีพที่ไม่ต้องลงทุน เหมาะกับใคร?
ต้องบอกว่าอาชีพนี้เหมาะสำหรับการนำมาเป็นอาชีพเสริม หารายได้เสริมยามว่าง หารายได้เสริมตามช่วงฤดูกาล เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในชุมชนต่างจังหวัดใกล้ชิดธรรมชาติ ชาวบ้านทั่วไป
อาชีพที่ไม่ต้องลงทุน จุดเด่น
- ไม่ว่าคุณจะเป็นใครผู้หญิงหรือผู้ชายสามารถทำได้หมด
- ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา ใช้ความจำและประสบการณ์ล้วนๆ
- ไม่ต้องใช้เงินทุน ใช้แค่แรงงาน
- มีผลผลิตให้นำไปขายได้ตลอดทั้งปี สับเปลี่ยนหมุนเวียน
อาชีพที่ไม่ต้องลงทุน จุดด้อย
- ต้องใช้ความอดทนสูง ทนแดด ทนร้อน ทนฝน
- ต้องมีใจรักในการแสวงหาวัตถุดิบมาขาย
- ของบางอย่างต้องรอผลผลิตตามฤดูกาลจึงจะเก็บขายได้
- ต้องมีความนำนาญในพื้นที่ อาจเกิดการพลัดหลงระหว่างทางได้
หาหอยขาย
หอย เป็นผลผลิตจากธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่ายตามชนบท ทั้งในร่องท้องนา ลำคลอง ห้วย มักจะอยู่ตรงบริเวณนำตื้นเขิน อาศัยอยู่ใต้ใบไม้หรือตะไคร้น้ำ ช่วงน้ำลงจะมีหอยชุกชม วันนึงๆสามารถเก็บได้มากกว่า 10 กิโลกรัม หอยที่นิยมจะเป็นหอยโข่ง ขาวบ้านนิยมเอามาทำเป็นแกง เนื้อหอยรสหวาน ราคาขายจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท
- สำหรับทะเล ก็สามารถเก็บหอยจากแหล่งธรรมชาติ โขดหิน แนวเสาหิน เป็นต้น บริเวณนี้จะมีหอยนางรม ราคาขายหอยนางรมนั้นขึ้นอยู่กับขนาด ราคาขายเริ่มต้นที่ 45 – 50 บาทต่อ 100 กรัม
- ส่วนบริเวณน้ำตื้นก็จะมีหอยแมลงภู่ อาศัยด้วยการเกาะตามโขดหินและตามไม้ไผ่บริเวณชายฝั่งทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ 1,000-3,000 เมตร ราคาขายจะอยู่ที่ 30 – 90 บาท/กิโลกรัม
หาไข่มดแดงขาย
ไข่มดแดงมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย นิยมรับประทานกันมาในจังหวัดทางภาคอีสาน ไข่มดแดงมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม นิยมเอามายำหรือต้ม ไข่มดแดงนั้นมีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งในช่วงที่ปีไหนที่หาได้ยาก มีไข่มดแดงน้อยราคาก็จะยิ่งสูงถึง 500 – 1,000 บาท/กิโลกรัม
- ข้อควรระวังในการหาไข่มดแดงก็คือสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดป้อนการโดนมดแดงกัด จะแสบร้อนผิวหนังได้
เก็บเห็ดขาย
เห็ดที่ชาวบ้านนิยมเก็บมาขาย เช่น เห็ดโคน เห็ดแครง เห็ดเผาะ เป็นต้น เห็ดโคนมักจะพบอยู่ตามบริเวณจอมปลวก ส่วนเห็ดแครงนั้นจะอยู่ตามบริเวณขอนไม้ในป่า และเห็ดเผาะจะอยู่บริเวณหญ้าที่ติดกับขอนไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งให้จดจำไว้เลยว่าสามารถเก็บเห็ดได้จากพื้นตรงไหนเพราะมันจะขึ้นที่เดิม เนื่องจากมีเชื้อเห็ดอยู่แล้วนั่นเอง ราคาขายจะอยู่ที่เห็ดแครง 150 – 200 บาท , เห็ดโคนราคา 200 – 500 บาท, เห็ดเผาะราคา 200 – 250 บาท
- ข้อควรระวัง ตรวจสอบพื้นที่ให้แน่ใจว่าไม่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ต้องมีความชำนาญในพื้นที่ในการหาของป่ามาขาย
หาน้ำผึ้งป่าขาย
น้ำผึ้งป่ามีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ขายกันขวดละ 500 – หลักพันบาท นอกจากเรื่องสรรพคุณของน้ำผึ้งป่าแท้ ความยากในการไปนำน้ำผึ้งป่ามาขายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำผึ้งป่ามีราคาสูง น้ำผึ้งป่าจะอยู่ใบนริเวณต้นไม้สูงในป่า รังผึ้งจะมีขนาดใหญ่ ต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญเป็นพิเศษสำหรับการทำอาชีพหาน้ำผึ้งป่ามาขายนี้ เพราะหากไม่ระวังอาจโดนผึ้งทั้งรังรุมต่อย หรือผลัดตกต้นไม้ได้ ดังนั้นจึงเป็นอาชีพที่เสี่ยงอยู่พอสมควร ราคาขายน้ำผึ้งจึงสูง
หาหน่อไม้ขาย
ชาวบ้านถนัดกันดีอยู่แล้วสำหรับการหาหน่อไม้ไผ่หวานมาปรุงอาหาร แต่หน่อไม้ยังกลายเป็นแหล่งทำเงินให้ได้อีกด้วย ข้อดีของหน่อไม้คือไม่ต้องเข้าไปในป่าลึกก็สามารถหาหน่อไม้ได้จากบริเวณแนวป่าไผ่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง เป็นต้น ราคาขายจะอยู่ที่ 28 – 50 บาท/กิโลกรัม
หาปลาขาย
แหล่งน้ำในธรรมชาติในหลายพื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ สมกับคำที่ว่าประเทศไทยนั้นในน้ำมีปลา ในนามีข้าว นอกจากจะหาปลาเพื่อมารับประทานกันเองในครอบครัวแล้ว ยังสามารถหาเงินจากการขายปลาได้อีกด้วย ปลาที่หามาได้สดๆจะเป็นที่นิยมมากกว่าปลาที่แช่แข็งมาแล้ว สำหรับปลาน้ำจืดราคาขายเฉลี่ย 25 – 80 บาท/กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของปลา
หาตัวต่อหัวเสือ / แตน
อีกหนึ่งาชีพหาของป่าขายที่มีความท้าทายสูง นั่นก็คือการหาตัวต่อหัวเสือและแตนมาขาย ซึ่งราคาก็สูงด้วยเช่นกันตกกิโลกรัมละ 1,000-1,500 บาทเลยทีเดียว อาชีพนี้ต้องใช้ความชำนาญสูงเช่นเดียวกับการหาน้ำผึ้งป่ามาขาย ผู้ประกอบอาชีพนี้จะต้องมีประสบการณ์พอสมควร
หากล้วยไม้ป่าขาย
กล้วยไม้ป่าหรือพรรณไม้ป่า เป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาสาวกคนรักต้นไม้ นิยมนำไปประดับตกแต่งบ้านเพิ่มความสวยงาม กล้วยไม้ป่ามีสีสันที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ราคาขายจะขึ้นอยู่กับอายุของกล้วยไม้ หากยังเป็นต้นกล้าราคาจะอยู่จะอยู่ต้นละ 30 – 50 บาท แต่หากเป็นกล้วยไม่โตเต็มวัยมีช่อดอกสวยงาม ราคาจะอยู่ที่ 500 – 1,200 บาทเลยทีเดียว
หาปูนาขาย
ท้องนาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำหลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือปูนา ปูนาที่สามารถจับขายได้จะอายุระหว่าง 4-5 เดือนก็ลองนับจากวันที่เก็บปูนาขายล่าสุดและทิ้งอีกประมาณ 4-5 เดือนค่อยมาหาเก็บไปขายอีก ราคากิโลกรัมละ 80 บาท สามารถนำไปแปรรูปเป็นปูนาดองเค็ม น้ำพริกปูนา เป็นต้น
เก็บผักบุ้งนาขาย
ผักบุ้งตามท้องไร่ท้องนาสามารถกลายมาเป็นเงินเข้ากระเป๋าได้ โดยปกติจะเก็บขายกันอยู่ที่มัดละ 5 – 10 บาท แนะนำช่องทางขาย ขายตามตลาดนัดที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ขาย หรือนำไปวางขายตามร้านค้าชุมชน สหกรณ์หมู่บ้านในหลายพื้นที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านนำสินค้าไว้วางขายได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หาด้วงสาคูขาย
ด้วงสาคู บางพื้นที่เรียกด้วยมะพร้าว ด้วงลาน หรือแมงหวัง จริงๆแล้วนับว่าเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของพืชตะกูลปาล์ม เช่น สาคู มะพร้าว ต้นลาน เป็นต้น พบได้มากในภาคใต้ของประเทศไทย โดยตัวอ่อนของด้วยสาคูนั้นจะอาศัยอยู่บริเวณยอดอ่อนของต้น ส่วนตัวที่โตต็มวัยจะอาศัยและเกาะกินเนื้อเยื่อด้านในของลำต้นจนเป็นโพรง ราคาขายจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 – 300 บาท
หากบขาย
กบ โดยธรรมชาติแล้วจะอาศัยอยู่ตามห้วยและท้องนา โดยจะกินปลา กุ้งและแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร ในช่วงฤดูแล้งกบจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามโพรง และจะออกมาหากินช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และจะกลับเข้ารูอีกครั้งเมื่อถึงฤดูแล้งนาเริ่มแห้ง ช่วงเวลาในการหากบส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนิยมเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่กบจะออกมาหากิน ราคาขายจะอยู่ที่ 80 – 150 บาท/กิโลกรัม