ขนมจีนเมนูที่เราสามารถหาทานได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าข้างทางไปจนถึงร้านขึ้นห้าง แต่การจะเป็นร้านขายดีได้นั้นเรื่องรสชาติเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่มีฝีมือในการทำขนมจีนและมั่นใจว่ามีสูตรเด็ดสามารถมัดใจสาวกขนมจีนได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลสำหรับการลงทุนและรายละเอียดในการเริ่มต้นอาชีพร้านขนมจีนเล็กๆของคุณ
โดยเราได้รวบรวมขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านขายขนมจีนฉบับร้านค้าขนาดเล็กมาฝากกัน ซึ่งต่อให้คุณไม่มีฝีมือในการทำอาหารก็ไม่ต้องกังวลใจ เรามีข้อมูลพร้อมให้คุณสามารถเปิดร้านได้ทันที ดังนี้
ขั้นตอนเปิดร้านขายขนมจีน
- ศึกษาทำเลขาย พิจารณาดูทำเลหรือสถานที่สำหรับขายขนมจีนให้มั่นใจมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่จำนวนมาก ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยทำงานและผู้ใหญ่ เน้นขายตามจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ศูนย์อาหารหรือตลาดนัด หากขายตามชุมชนหรือหมู่บ้าน ควรเป็นริมถนนที่มีผู้คนผ่านไปมาหรือเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ราชการ โรงเรียน สถานที่ทำงาน เป็นต้น
- เตรียมตัวให้พร้อม ฝึกฝนฝีมือให้เชี่ยวชาญและมีรสชาติที่คงที่ นอกจากที่หัดทำน้ำแกงขนมจีนใหม่ๆเพื่อเพิ่มความหลากหลาย
- เตรียมงบลงทุน จัดสรรงบการลงทุนให้ดี ทั้งต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนอุปกรณ์ ตลอดจนเงินหมุนเวียนในร้าน
งบการลงทุนขายขนมจีน
ในส่วนของงบประมาณการลงทุนนั้นจะขอเน้นรูปแบบการเริ่มต้นธุรกิจร้านขายขนมจีนเล็กๆ ตั้งโต๊ะขายตามตลาดนัด ใต้หอพัก อพาร์ทเม้นท์ หรือแหล่งชุมชน โดยขายแบบซื้อใส่ถุงกลับบ้านหรือใส่ถ้วยโฟม ส่วนในอนาคตผู้ประกอบการจะขยายธุรกิจเป็นร้านนั่งรับประทานก็สามารถพิจารณาลงทุนได้ตามความต้องการ เบื้องต้นจะขอให้รายละเอียดการลงทุนขนาดเล็ก งบประมาณไม่เกิน 5,000 บาท
- ค่าวัตถุดิบ เช่น เส้นขนมจีน น้ำแกงขนมจีนแบบต่างๆ ผักสำหรับทานคู่กับขนมจีน(งบประมาณ 1,000 – 1,500 บาท)
- ค่าอุปกรณ์ เช่น โต๊ะวางของ ช้อนส้อม หม้อใส่น้ำแกง ถ้วยโฟม เป็นต้น (งบประมาณ 2,000 บาท)
- ค่าเช่าพื้นที่วันละ (150 – 300 บาท)
- เงินหมุนเวียน (500 – 1,000 บาท)
อุปกรณ์จำเป็นเบื้องต้น
- โต๊ะขนาดกลาง ราคาประมาณ 500 บาท (อาจจะดูให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอย)
- ถ้วยพลาสติกหรือถ้วยโฟม ราคาประมาณ 50 บาท (100 ใบ)
- ช้อนพลาสติก ราคาประมาณ 40 บาท (100 ชิ้น)
- หม้อใส่น้ำแกงใบใหญ่ ราคาประมาณ 250 – 350 บาท/ใบ
- ถาด ราคาประมาณ 100 บาท/ใบ
วัตถุดิบเบื้องต้น
- เส้นขนมจีน (ซื้อได้จากร้านขายส่งหรือโรงงานผลิตขนมจีนโดยตรง ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 – 25 บาท)
- เครื่องปรุงสำหรับน้ำแกงชนิดต่างๆ (ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการการว่าจะทำน้ำแกงใดบ้างก็เลือกซื้อเครื่องปรุงน้ำแกงนั้นๆ หากสั่งซื้อน้ำแกงสำเร็จรูปมาขายต่อก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องปรุง)
- ผักเหนาะ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กระถิน หรือผักอื่นๆตามใจชอบ
- ไข่ต้ม
เมนูขนมจีนยอดนิยม
- ขนมจีนน้ำยาป่า
- ขนมจีนแกงเขียวหวาน
- ขนมจีนน้ำยากะทิ
- ขนมจีนน้ำเงี้ยว
- ขนมจีนน้ำแกงยำ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรทำน้ำแกงประมาณ 3 – 4 อย่างเพื่อตัวเลือกให้ลูกค้าได้รับประทานตามใจชอบ
- สามารถสั่งซื้อเส้นขนมจีน และน้ำแกงต่างๆ ได้จากผู้ผลิตขายส่งหรือโรงงานโดยตรง เพื่อประหยัดต้นทุนและเป็นข้อดีสำหรับคนที่ทำอาหารไม่เป็นแต่อยากเปิดร้านขายขนมจีน ลดกระบวนการผลิต ประหยัดเวลา สามารถตักขายได้เลย
- ได้มาตรฐาน ถูกหลักอนามัย ตรวจสอบร้านค้าหรือโรงงานที่จะสั่งซื้อเส้นขนมจีนและน้ำแกงด้านคุณภาพ มาตรฐาน ที่สำคัญต้องถูกหลักอนามัยปลอดภัยต่อผู้บริโภค
กลยุทธ์การขาย
- ขายในราคาให้เหมาะสม เอากำไรแต่พองาม อาจจะขายเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท เป็นต้น (ทั้งนี้ตั้งราคาให้สัมพันธ์กับทำเลขายด้วย หากค่าเช่าที่แพงอาจจะขยับราคาเพิ่มขึ้นมา 5 – 10 บาท)
- เน้นความสดใหม่ เส้นขนมจีนต้องทำสด ใหม่ จึงจะอร่อย หากปล่อยทิ้งหลายวันเส้นจะแข็ง มีกลิ่นและเสียได้ ดังนั้นจึงควรกะปริมาณการสั่งซื้อหรือทำเส้นขนมจีนและน้ำแกงให้เพียงพอต่อการขายในแต่ละวัน
- ผักคือหัวใจสำคัญ อรรถรสในการรับประทานขนมจีนคือการได้ทานคู่กับผักชนิดต่างๆ ยิ่งสำหรับคนที่ชอบทานผักด้วยแล้วยิ่งเป็นถูกอกถูกใจรับประทานแค่จานเดียวไม่พอแน่นอน
- เพิ่มสีสันใหม่ๆ จากที่มีเส้นขนมจีนสีขาวธรรมดา อาจเพิ่มเส้นขนมจีนสีต่างๆ เช่น สีใบเตย สีม่วง สีชมพู เป็นต้น เพื่อเอากลุ่มใจลูกค้าเด็กๆและวัยรุ่น
- เพิ่มสินค้า อาจเพิ่มเมนูอื่นขายควบคู่ไป เช่น “ขนมถ้วยหรือเครื่องดื่ม” เป็นต้น เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้มีมากยิ่งขึ้น