เทคนิคการขาย สินค้าแบกะดิน ทำอย่างไรให้ขายดี ?
สำหรับพ่อค้า แม่ค้า มือใหม่ที่กำลังเริ่มธุรกิจหรืออาชีพเล็กๆเป็นของตัวเอง หลายคนก็เลือกที่จะขายสินค้า เพราะเป็นทางเลือกที่ง่ายและวัดผลได้ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่สามารถเริ่มต้นด้วยการเปิดร้านแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้ในทันที เพราะด้วยงบประมาณที่ใช้ยังไม่เพียงพอ บวกกับยังอยู่ในช่วงทดลองขายยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะไปได้ดีหรือไม่ บางคนก็เลยยังไม่กล้าที่จะลงทุนเยอะ
การขายแบบแบกับดิน เรียกง่ายๆว่าปูผ้าขายกันบนพื้น บนดินนี่แหละ เรามักพบเห็นกันตามตลาดนัดหรือตามริมฟุตบาทโดยเฉพาะในกรุงเทพฯจะมีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยที่ขายของกันแบบแบกับดิน เนื่องจากลงทุนไม่มาก ไม่ต้องมีหน้าร้านใหญ่โตก็เริ่มขายได้ ใช้พื้นที่น้อย สะดวกและรวดเร็วในการเปิดร้านและเก็บร้าน ที่สำคัญค่าเช่าพื้นที่ก็จะถูกกว่าแบบร้านค้า แต่แน่นอนว่าเมื่อเราไม่ต้องลงทุนหน้าร้าน ความน่าสนใจของสินค้าที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในระดับสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมาย่อมน้อยลงเช่นกัน ดังนั้นจะทำอย่างไรให้การขายแบแบกับดินเป็นที่น่าสนใจและเรียกลูกค้าเข้าร้านได้เยอะๆ มีเทคนิคการขายดีๆมาแนะนำ โดยที่ไม่จำเป็นต้องลดราคาตัดหน้าคู่แข่ง
1. การจัดวางสินค้า
ถึงแม้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆ มีพื้นที่น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะจัดสรรปันส่วนไม่ได้ ควรจัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กำหนดพื้นที่สำหรับวางสินค้าจะเป็นรูปสามเหลี่ยมพิรามิด หรือสี่เหลี่ยม ก็ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าของท่านด้วยว่าควรจัดแบบไหน เช่นหากเป็นเสื้อผ้าก็อาจจะพับให้สวยงาน แล้ววางเรียงกันเป็นแนวยาวไปเรื่อยๆ หรือหากเป็นสินค้าจำพวกของประดับ ตกแต่งห้อง ก็อาจจะวางเรียงไปสามเหลี่ยม ค่อยๆลดหลั่นตำแหน่งกันลงมา ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความโดดเด่นให้สินค้า ดีกว่าเอามากองรวมๆ นอกจะทำให้สินค้าดูเป็นของโหลแล้ว ยังทำให้ไม่น่าสนใจ ไม่เตะตาน่าซื้อ
2. เลือกโชว์สินค้าเด่น
หากมีสินค้าที่เป็นรุ่นใหม่ หรือกำลังได้รับความนิยม หรือเป็นชิ้นที่สวยที่สุดของคุณ ควรนำสินค้าชิ้นมาวางในตำแหน่งที่ลุกค้าจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะสินค้าในกระแสจะดึงดูดสายตาให้หันไปมองและแวะเลือกชมอย่างแน่นอน เนื่องจากการขายแบบแบกับดินทางเลือกในการโชว์สินค้านั้นค่อยข้างจำกัด ดังนั้นตำแหน่งที่จะวางได้ดีที่สุดคือตำแหน่งที่อยู่หน้าสุดหรือบนสุด
3. แสงสี
ตัวช่วยที่สำคัญ สำหรับการขายสินค้าแบกะดินที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ แสงไฟ การที่เราวางขายบนพื้นก็แทบจะไม่อยู่ในจุดโพกัสของผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่แล้ว ในบางตลาดอาจมีแสงไฟส่องสว่างเพียงพอให้สามารถมองเห็นร้านค้ากันได้อย่างทั่วถึง แต่สำหรับบางทำเลที่ไปเลือกขาย อาจไม่มีแสงไฟส่องสินค้าของคุณ ดังนั้นคุณจำเป็นจะต้องมีหลอดไฟที่ให้แสงสว่าง จะเป็นโคมไฟอันเล็กๆสัก 2 ตัว ควรเลือกเป็นแสงสีนวล จะให้ความรู้สึกสบายตา (ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสินค้าที่ขายด้วย หากขายสินค้าที่เน้นรายละเอียด เช่น กล้องถ่ายรูป อาจจำเป็นต้องใช้แสงสีขาว เพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นรายเอียดหรือตำหนิต่างๆได้อย่างชัดเจน) การที่เรามีแสงไฟส่องสินค้า นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ให้ทราบว่ามีร้านขายสินค้าตั้งอยู่แล้ว ยังเป็นการนำเสนอสินค้าให้เป็นที่น่าสนใจขึ้นมาได้อีกเช่นกัน
4. อุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เสริม เช่น โต๊ะญี่ปุ่น หรือโต๊ะเล็กๆ มาใช้ในการวางสินค้าให้มีระดับที่สูงขึ้นมาจากพื้นนิดหน่อย ให้สะดวกต่อลูกค้าในการเลือก และยังสะดวกต่อพ่อค้าแม่ค้าในการหยิบสินค้าให้ลูกค้าดู ส่วนใหญ่พวกโต๊ะญี่ปุ่นจะใช้ได้ดีกับสินค้าจำพวกเครื่องประดับ หรือของกระจุกกระจิก ซึ่งโต๊ะญี่ปุ่นหรือโต๊ะเล็กๆนั้นมีราคาไม่แพงสามารถหาซื้อได้ง่าย และอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่แนะนำคือ เก้าอี้ตัวเล็กๆ สำหรับให้ลูกค้าได้นั่งเลือกสินค้า เป็นบริการเสริมจากคนขาย เพื่อให้ลูกค้าประทับใจและได้รับความสะดวกสบาย
5. แสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน
วางป้ายแสดงราคาสินค้า หรือ ป้ายโปรโมชั่น,ป้ายลดราคา ให้ชัดเจน สังเกตว่าลูกค้าส่วนใหญ่มักจะบอกที่ราคาสินค้าก่อน แล้วจึงมองตัวสินค้า นอกจากนี้ข้อความเชื้อเชิญอย่างเช่น Sale, ลดราคา, ราคาพิเศษ,สินค้ามาใหม่,สินค้าขายดี เป็นต้น ข้อความเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความน่าสนใจให้แก่สินค้าของคุณได้
6. การปิดการขาย
เมื่อจัดวางสินค้า จัดเตรียมอุปกรณ์เสริม จัดแสงสีให้สวยงามน่าสนใจ องค์ประกอบทางด้านร้านค้าพร้อมแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ปิดการขาย” จะทำอย่างไรให้ขายสินค้าชิ้นนั้นได้
– สร้างเงื่อนไขให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบซื้อ
ทำให้รู้สึกว่าเป็นโอกาสเดียวหรือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้สินค้าชิ้นนั้นไป เช่น “แจ้งลูกค้าว่าเป็นสินค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่วันนี้ สินค้าเข้ามาน้อย เหลือไซ้ส์ไม่มาก กำลังเป็นที่นิยมหามาขายยากมาก” เป็นต้น ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เหมือนเป็นการกดดันลูกค้า ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้ใช้วิธีนี้เมื่อพูดคุยกับลูกค้าระยะหนึ่ง และลูกค้าก็ดูสนใจสินค้าชิ้นนั้นมาก จะเหมาะสมว่าการไปยัดเหยียดให้ลูกค้ารีบซื้อในทันทีเข้ามา
– สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
ลูกค้าส่วนใหญ่จะลังเลใจกับสินค้าตัวนั้น เพราะอาจไม่มีความมั่นใจในตัวเอง กลัวว่าจะไม่เหมาะ ใส่แล้วไม่สวย กะขนาดไม่ถูกต้อง ดังนั้นความคิดเห็นของพ่อค้าแม่ค้าในการช่วยลูกค้าตัดสินใจ เสริมความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและไม่ลังเลที่จะซื้อไป เช่น เมื่อลูกค้าลังเลใจ ให้บอกลูกค้าว่า “ชิ้นนี้สวยนะ ขายดีเลย มากี่รอบก็หมด น้องใส่ตัวนี้ได้ ” ทั้งนี้ต้องซื้อสัตย์ต่อลูกค้าด้วยเช่นกัน จะต้องบอกไปตามความเป็นจริง ไม่ใช่หวังแต่จะขายอย่างเดียว ถ้าสินค้าชิ้นนั้นๆไม่เหมาะกับลูกค้า ก็ให้แนะนำเป็นเป็นอย่างอื่นแทน
– สร้างความคุ้มค่า
บอกให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าที่จะซื้อ โดยการบอกรายละเอียดของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ว่าเลือกคัดสรรมาอย่างดี สินค้ามีคุณภาพพ่อค้าแม่ค้าอาจจะนำสินค้ามาให้ลูกค้าลองสัมผัสและเปรียบเทียบสินค้าให้ลูกค้าดูว่าแตกต่างจากร้านอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้านั้นคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย หรือราคาเหมาะสมกับสิ่งที่เขาจะได้
7. ความซื่อสัตย์
หัวใจสำคัญของการขาย คือ ความซื่อสัตย์ ขายของด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา สินค้าไหนที่ไม่เหมาะกับลูกค้า ก็ไม่ควรยัดเหยียดให้ซื้อ แต่ควรจะแนะนำสินค้าแบบอื่นที่เหมาะสมกว่าให้ไป บอกรายละเอียดของสินค้าให้ครบถ้วนถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่หลอกลวง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
8. บริการประทับใจ
พ่อค้าแม่ค้าเองก็มีส่วนสำคัญในการเรียกลูกค้าเข้าร้าน ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาไพเราะ สุภาพกับลูกค้า แม้เขาจะซื้อสินค้าของคุณในครั้งนี้หรือไม่ แต่จะต้องขายสินค้าด้วยไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส ส่งเสียงหวานเรียกลูกค้า จะสังเกตว่าคนขายที่พูดจาเพราะนุ่มนวล แนะนำอย่างดี ลูกค้าจะไม่รู้สึกกดดัน ไม่รู้สึกกลัวที่จะสอบถาม เกิดความประทับใจและร้านคุณอาจกลายเป็นร้านโปรดไปโดยปริยาย
อย่าหน้าบูด หน้าบึ้งใส่ลุกค้า ไม่ว่าคุณจะร้อน จะเหนื่อยสักแค่ไหน เมื่อคุณเลือกที่จะขายของ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นงานบริการอย่างหนึ่ง และเมื่ออยู่ต้องหน้าลูกค้าก็ต้องบริการด้วยใจ ความใจเย็นจะช่วยให้คุณรับมือกับทุกสถานการณ์ได้แม้ว่าคุณอาจจะเจอกับลูกค้าที่งี่เง่าก็ตาม
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเนคเทคการขายสำหรับสินค้าแบบกับดิน ซึ่งหลายข้อก็สามารถนำมาใช้ได้กับการขายทุกรูปแบบ ของให้พ่อค้าแม่ค้าคำนึงอยู่เสมอว่าต้องมีใจรักการขาย แล้วสนุกกับมัน เพราะจะทำให้คุณไม่กดดันตัวเองและเครียดจนไป การขายต้องอาศัยส่วนประกอบหลายๆด้าน นอกจากเทคนิคการขายแล้ว การเลือกสินค้ามาขายก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ หากต้องการได้เทคนิคการจัดหน้าร้านเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิ้งนี้ >> เทคนิคการจัดร้านค้าในตลาดนัด จัดอย่างไรให้ปังๆๆ!!