เทคนิคการปรับปรุงร้านค้าปลีก

ธุรกิจร้านค้าปลีกเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจไม่น้อย เนื่องจากมีความสะดวกต่อผู้บริโภคที่ไม่ต้องการเดินทางไปไกลถึงห้างสรรพสินค้า แต่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาจับจ่ายใช้สอยอยู่ในทุกๆ วัน ทำให้ธุรกิจนี้มีรายได้ที่ค่อนข้างดี สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าและดึงดูดใจลูกค้าใหม่ให้มาใช้บริการได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารและการวางแผนพัฒนาธุรกิจที่มีประสิทธิภาพของเจ้าของร้านค้า เจ้าของร้านค้าจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคปัจจุบันที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ต้องคอยอัพเดทข่าวสารเพื่อให้รู้ว่าสินค้าชนิดใดกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดและต้องคอยปรับปรุงร้านค้าให้โดดเด่นสะดุดตา มีความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพราะในปัจจุบันนอกจากการแย่งชิงผู้บริโภคระหว่างร้านค้าปลีกด้วยกันแล้ว ร้านค้าปลีกยังต้องแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าที่เกิดขึ้นมามากมายทำให้ผู้บริโภคมีสิทธิในการเลือกซื้อมากขึ้น ดังนั้นร้านค้าปลีกจึงต้องพยายามหากลยุทธ์และวิธีการเพื่อมารับมือกับปัญหาที่กำลังเกิดและจะเกิดตามมาในอนาคต ซึ่งวันนี้เราก็มีเทคนิคดีๆเกี่ยวกับการปรับปรุงร้านให้ประสบความสำเร็จมาฝากกัน เพราะถ้าเราเริ่มต้นดีก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

เทคนิคแรกก็คือการตกแต่งร้าน ลูกค้าไม่ว่าใครๆก็มักจะชอบร้านที่มีเอกลักษณ์และรูปแบบเฉพาะเป็นของตนเอง มีบรรยากาศที่ดีดูมีความแปลกใหม่ เป็นระเบียบและมีชีวิตชีวา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้ร้านดูแตกต่างและไม่เหมือนใครก็คือป้ายชื่อ ป้ายชื่อร้านควรมีความโดดเด่นและควรติดเอาไว้ตรงบริเวณที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นชื่อเฉพาะที่ไม่ยาวหรือไม่สั้นเกินไป เพื่อช่วยให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้น เสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้าและสื่อให้ลูกค้ารู้ได้ในทันทีว่าร้านของเราค้าขายอะไร นอกจากนี้บรรยากาศในร้านควรจะต้องดูโปร่งโล่ง มีแสงสว่างมากเพียงพอ ไม่มีมุมอับ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ดูแออัดหรือทึบจนเกินไป อีกทั้งยังควรทำความสะอาดร้านอยู่เป็นประจำเพื่อสุขอนามัยที่ดีและไม่มีกลิ่นเหม็นอับไม่พึงประสงค์ สุดท้ายคือการตกแต่งผนังภายในร้านให้ดูเชิญชวน สบายตา และตรงใจกับกลุ่มเป้าหมาย ควรเลือกใช้สีที่อบอุ่น ดูเป็นมิตร และช่วยขับเน้นให้สินค้าดูโดดเด่นมากขึ้น อย่างเช่น สีโทนอ่อนๆ สีครีม สีขาว หรือสีพาสเทล

เทคนิคที่สองคือการจัดวางสินค้า เราควรจำแนกสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ ของประเภทเดียวกันควรจัดวางให้อยู่ใกล้ๆกัน ส่วนอาหารก็ควรแยกกับของใช้ ติดป้ายราคา รายละเอียดของยี่ห้อและวันหมดอายุให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น สินค้าควรจัดเรียงลำดับตามวันหมดอายุ หากหมดอายุก่อนก็ให้นำมาไว้ด้านหน้าสุดไล่ตามลำดับลงไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการค้างสต็อกของสินค้าที่หมดอายุ นอกจากนี้สินค้าที่เรานำมาขาย ควรตรงความต้องการของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดเอาไว้ เราควรจัดวางสินค้าที่ขายดีและต้องการส่งเสริมการขายไว้หน้าร้านหรือในบริเวณที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ในทันที ส่วนสินค้าชนิดใดที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการต่อผู้บริโภคได้ เราก็ควรนำออกจากชั้นวางเสียเพื่อไม่ให้เป็นการเปลืองพื้นที่และนำสินค้าชนิดอื่นมาขายแทน เจ้าของร้านควรอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคด้วยการจัดพื้นที่ทางเดินให้โล่งกว้าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวกที่สุด และจัดหาตะกร้าหรือรถเข็นสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณมาก รวมทั้งเปลี่ยนแปลงการจัดวางสินค้าในรูปแบบใหม่อยู่เสมอเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซากจำเจและช่วยดึงดูดให้ลูกค้าอยากเข้าร้านมาใช้บริการ

เทคนิคที่สามคือการบริการ ไม่ว่าใครก็ชอบคนทียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอลูกค้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงควรต้อนรับลูกค้าด้วยความเป็นมิตร อบอุ่นและเป็นกันเอง ทักทายอย่างร่าเริงแจ่มใส พูดจาไพเราะ เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำในอนาคต นอกจากนี้เราก็ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าเดิมด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากมีลูกค้าเดิมที่เข้ามาใช้บริการเป็นประจำ เราก็ควรจดจำรายละเอียดของลูกค้าคนนั้นๆ ทั้งชื่อของลูกค้าและสินค้าที่ลูกค้ามาซื้ออยู่เป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญ อีกทั้งเรายังควรมีความรู้ในเรื่องของสินค้าสามารถให้ข้อมูลและแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าได้ คอยให้บริการและดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ เมื่อลูกค้ากำลังจะเดินออกจากร้านก็ควรกล่าวคำขอบคุณ เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อร้านค้าและอยากกลับมาใช้บริการอีก

เทคนิคที่สี่คือการตลาดที่ดึงดูดใจลูกค้า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะชอบโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ดังนั้นเราจึงควรคิดหากลยุทธ์วิธีในการส่งเสริมการขายเพื่อเชิญชวนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในร้านของเรามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคาสินค้า 50% นอกจากนี้เราก็ควรติดป้ายโปรโมชั่นที่มีความโดดเด่นและมีสีสันสะดุดตาไว้หน้าร้านและจัดวางสินค้าที่ต้องการส่งเสริมการขายไว้ในจุดที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด กลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งที่อาจช่วยทำให้ลูกค้าอยากเข้ามาซื้อของในร้านของเรามากขึ้นคือกลยุทธ์ในด้านราคา เราอาจตั้งราคาสินค้าบางชนิดให้ถูกกว่าร้านค้าอื่นๆ เล็กน้อย เพื่อทำให้ลูกค้าเล็งเห็นถึงความคุ้มค่า เพราะถึงแม้ว่าจะถูกกว่าเพียงเล็กน้อยแต่ถ้าหากซื้อสินค้าในปริมาณมากและซื้อบ่อยก็จะช่วยทำให้ลูกค้าประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว อีกทั้งกลยุทธ์นี้ยังช่วยสร้างฐานลูกค้าเพิ่มอีกด้วยเนื่องจากร้านค้าของเรามีจุดเด่นในเรื่ องของการขายสินค้าคุณภาพในราคาที่ถูกลง

เทคนิคที่ห้าคือกลยุทธ์ในการเลือกทำเลทีตั้งของร้านค้าปลีก การเลือกทำเลที่ตั้งของร้านค้านั้นถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุดเพราะทำเลดีๆ ในสมัยนี้มีราคาแพง หายากและต่างก็เป็นที่ต้องการของนักลงทุนมากมาย แต่ถ้าหากใครได้ทำเลที่ดีไป ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะมันจะช่วยส่งเสริมกิจการการค้าให้รุ่งเรืองและได้รับผลตอบแทนในปริมาณที่สูง ดังนั้นเมื่อเราคิดจะลงทุนทำธุรกิจร้านค้าปลีก เราจึงควรวางแผนในเรื่องนี้เป็นอย่างแรก ซึ่งกลยุทธ์ในการพิจารณาเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เลือกลงทุนในแหล่งชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นย่านที่อยู่อาศัยหรือใจกลางเมืองที่มีการจราจรสะดวก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบายและร้านค้าที่เข้าถึงได้ง่าย ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของราคาที่ดินว่า ถ้าหากลงทุนหรือถ้าหากเช่าไปแล้ว ผลกำไรตอบแทนในอนาคตจะคุ้มค่าหรือไม่ ควรเลือกทำเลที่สามารถประกอบกิจการได้ในระยะยาว เพื่อความสะดวกของผู้ลงทุนเอง คำนึงถึงทำเลที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดภัย อยู่ใกล้ชุมชนและไม่เปลี่ยว เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรวมทั้งเจ้าของร้าน พนักงานและทรัพย์สินในร้านค้า ควรตั้งอยู่ในแหล่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น โรงภาพยนตร์ ธนาคาร ร้านอาหาร เป็นต้น

เทคนิคทีหกคือการพัฒนาศักยภาพ เจ้าของธุรกิจจะต้องหมั่นเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านต้องหมั่นวิเคราะห์ถึงความต้องการของตลาดและผู้บริโภค เพื่อให้ทราบว่าสินค้าชนิดใดที่กำลังเป็นที่ต้องการหรือกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาสินค้าประเภทใดและแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด วิเคราะห์เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเชิญชวนลูกค้า จุดเด่นและจุดด้อยของคู่แข่ง เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาร้านค้าต่อไป นอกจากนี้ ร้านค้ายังควรนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น การจัดทำเว็บไซต์ออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ไม่มีเวลาเดินทางมาที่ร้านหรือลูกค้าที่ต้องการซื้อของผ่านทางออนไลน์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าด้วยว่าเหมาะสมต่อการนำมาซื้อขายผ่านทางออนไลน์หรือไม่ หากเป็นสินค้าประเภทข้าวของเครื่องใช้ ก็เหมาะสมต่อการทำเว็บไซต์ขายสินค้าทางออนไลน์เพราะสามารถเก็บได้ในระยะเวลานาน นอกจากนี้ลูกค้าก็ยังสามารถเปรียบเทียบราคาและคุณภาพของสินค้าก่อนที่จะเลือกซื้อได้ แต่ถ้าหากเป็นสินค้าประเภทอาหารเครื่องดื่ม ก็อาจต้องพิจารณาเป็นรายสินค้าไป เพราะสินค้าบางชนิดก็อาจไม่เหมาะกับการเลือกซื้อทางออนไลน์แต่เหมาะกับการเลือกซื้อที่ร้านค้ามากกว่า หรือเราอาจนำเทคโนโลยีมาช่วยในการศึกษาหาข้อมูลได้อีกด้วย อีกทั้งเจ้าของร้านจะต้องคอยปรับปรุงร้านค้าและการบริการให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าทั้งใหม่และเก่าให้อยากเข้ามาใช้บริการในร้านค้าของเรา

ธุรกิจร้านค้าปลีกเป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตเร็วก็จริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรและดูแลตกแต่งร้านค้าให้มีความทันสมัย และมีบรรยากาศที่น่าดึงดูดใจ การจัดวางสินค้าภายในร้านให้เข้าถึงง่าย เป็นระเบียบและตรงความต้องการของผู้บริโภค การให้บริการที่เป็นมิตร อบอุ่นและเป็นกันเอง ที่ช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจทุกครั้งทีเข้ามาซื้อของ การตลาดที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อของได้ง่ายขึ้น การเลือกทำเลที่ตั้งที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ รวมทั้งการอัพเดทข้อมูลข่าวสารและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้เจริญเติบโตและทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

แสดงความคิดเห็น