เปิดร้านขายกล้วยทอด เริ่มต้นอย่างไรดี? กำไรดีไหม?

กล้วยทอดหรือกล้วยแขก เมนูทานเล่นขายดี สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี วัตถุดิบหาได้ง่ายจากท้องถิ่นและมีแทบตลอดทั้งปีทำให้สามารถขายได้ในราคาไม่แพงแถมอร่อย รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อิ่มท้อง ให้พลังงาน ขายได้ตลอดทั้งวัน ยิ่งช่วงหน้าหนาวจะขายดีเป็นพิเศษ

ช่องทางสร้างอาชีพเสริมสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ อยากลงทุนขายกล้วยตอนต้องทำอย่างไรบ้าง เราได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจ ซึ่งวิธีและข้อมูลเบื้องต้นที่นำมานั้นเป็นเพียงการนำเสนอการลงทุนอาชีพเล็กๆ ลงทุนแลลประหยัด ผู้ประกอบการสามารถนำไปต่อยอดได้ในลำดับต่อๆไป ดังนี้

ขายกล้วยทอดลงทุนเท่าไร ?

งบลงทุนเริ่มต้นเปิดร้านขนาดเล็กตั้งโต๊ะขายไม่ควรเกิน 2,000 บาท (ไม่รวมค่าเช่าพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการเดินทางอื่นๆ) แบ่งเป็น
– ค่าวัตถุดิบ กล้วย แป้งสำหรับทอด น้ำมันพืช งา น้ำตาล ประมาณ 500 บาท
– ค่าอุปกรณ์ กระทะ โต๊ะ เตาแก๊ส ตะหลิว ถาด กระดาษรอง ถุงพลาสติก ประมาณ 1,500 บาท

ขายกล้วยทอดกำไรเท่าไหร่?

  • กล้วย 1 หวีมีประมาณ 16 – 20 ลูก (ราคาหวีละ 30 – 35 บาท)
  • ตัดแบ่งลูกละ 2 – 3 ชิ้น เฉลี่ยได้ 54 ชิ้น
  • แบ่งขาย 7 ชิ้นต่อถุงในราคา 20 บาท เท่ากับว่า กล้วย 1 หวี ขายได้ 8 ถุง เป็นเงิน 160 บาท
  • ถ้าขายวันละ 10 หวี เป็นเงิน 1,600 บาท หักต้นทุนค่าวัตถุดิบประมาณ 500 บาท เหลือกำไรอีก 1,100 บาท (ยังไม่หักค่าเช่าที่)
  • โดยผลกำไรในเบื้องต้นนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและจำนวนความหนาแน่นของกลุ่มลูกค้า

หลักการเลือกทำเลขายกล้วยทอด

เลือกทำเลที่มีผู้คนพลุกพล่าน ย่านโรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงาน หรือขายกล้วยทอดตลาดนัด ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะตลาดนัดจะเป็นแหล่งรวมอาหารและสินค้าจำนวนมาก ทั้งนี้ควรเลือกตลาดนัดที่มีชื่อเสียงหรืออยู่ตามหัวมุมสำคัญๆของเมือง เป็นที่รู้จักพอสมควร เพราะหากเลือกตลาดนัดที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จำนวนคนที่มาเดินซื้อสินค้าก็จะน้อยตามลงไปด้วย

ขายกล้วยทอดเวลาไหนดี

จริงๆแล้วกล้วยทอดนั้นเป็นอาหารทานเล่นที่สามารถทานได้ตลอดทั้งวัน แต่จะอร่อยที่สุดก็ตอนเพิ่งทอดเสร็จและขึ้นจากกระทะสดๆร้อนๆ ช่วงเวลาที่แนะนำก็คือ “ช่วงเช้า และช่วงเย็น” เนื่องจากช่วงเช้านั้นเป็นช่วงเวลาของการเร่งรีบ อาหารที่รวดเร็วสะดวกและอิ่มท้องอย่างกล้วยทอดจึงเป็นทางเลือกสำหรับพนักงานออฟฟิศ หรือแม้แต่นักเรียน นักศึกษา ก็นิยมรับประทานในตอนเช้า ส่วนในเวลาเย็นนั้นมักรับประทานเป็นอาหารทานเล่นกันเสียมากกว่า

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. ไม่ควรทอดทิ้งไว้คราวละมากๆ เนื่องจากเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานขนมก็จะเย็นชืด อรรถรสในการกินก็จะน้อยลง กล้วยทอดควรกินตอนร้อนๆ ทอดสดใหม่
2. ใช้น้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะ ไฟแรง ก่อนทอดต้องดูว่าน้ำมันร้อน เดือดได้ที่ เวลาทอดจะทำให้กล้วยสุกกรอบทั่วกัน ไม่อมน้ำมัน
3. เพิ่มมูลค่าด้วยการเสริมตัวเลือกอย่างอื่นลงไป เช่น มันทอด ฟักทองทอด เผือกทอด เป็นต้น หรือสร้างความแปลกใหม่ทำเป็นกล้วยทอดจิ้มช็อกโกแลต จิ้มนมข้น ได้ด้วยเช่นกัน

สูตรกล้วยทอดสูตรโบราณ

ส่วนผสม

  • กล้วยหอมสุกพอดี 8 ลูก
  • แป้งสำหรับทำแพนเค้ก 2 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
  • นมสด 100 ซีซี
  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. หั่นกล้วยเป็นชิ้นยาว 1 ลูกให้ได้ 3 ชิ้น
2. ผสมแป้ง โดย แป้งแพนเค้ก ผสม ไข่ไก่ น้ำตาล และนมสด จากนั้นนำกล้วยลงไปชุบแป้ง
3. ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนไฟปานกลาง จากนั้นนำกล้วยลงไปทอดให้สุกเหลืองทองกรอบ
4. นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน

สูตรกล้วยทอดเงินล้าน

วัตถุดิบมีดังนี้

  1. กล้วยน้ำหว้าห่าม 1 หวี
  2. แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
  3. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ถ้วย
  4. มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
  5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  6. หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
  7. งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำปูนใส 1/2 ถ้วยตวง
  10. น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเจ้าและแป้งสาลีที่เราได้เตรียมไว้ นำมาร่อนและนำมาผสมกับเกลือ จากนั้นนวดให้เข้ากันกับหัวกะทิและมะพร้าวขูด
  2. เมื่อเราทำการนวดส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ใส่น้ำปูนใสลงไปค่อยๆเทจากนั้นนวดต่อให้เข้ากัน
  3. ใส่งาลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว
  4. ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป เปิดไฟที่ปานกลาง โดยกะปริมาณน้ำมันให้ท่วมตัวกล้วยที่จะทอด
  5. หั่นกล้วยตามความยาว 3-4 ชิ้นต่อ 1 ลูก (แล้วแต่ลูกเล็กลูกใหญ่) นำไปชุบแป้งตามส่วนผสมที่เราได้เตรียมไว้ เมื่อน้ำมันเดือดให้เราใส่ลงไปในกระทะจนเต็ม
  6. ให้เราทำการทอดใช้แป้งเหลืองกรอบและเนื้อกล้วยด้านในสุก
  7. เมื่อสังเกตว่าเนื้อของกล้วยใกล้สุกแล้ว เบาไฟขึ้นเล็กน้อย จากนั้นให้เราตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
แสดงความคิดเห็น