แฟรนไชส์สายไหม “KUMO”
สายไหมการ์ตูนในกระปุกเจ้าแรก พลิกโฉมสายไหมขึ้นห้าง
แฟรนไชส์สายไหม อีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ของผู้ที่ต้องการมีอาชีพ จากการขายสายไหม แต่ไม่ใช่สายไหมทั่วไป เพราะมีความแตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ รองรับการแชร์ต่อบนโลกโซเชียลฯ กระทั่งสามารถทำเงินได้อย่างน่าสนใจ จากร้านสายไหมเล็กๆ สู่แฟรนไชส์สายไหมมีแบรนด์ ที่หลายคนให้ความนิยม ไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น แต่ลูกค้าต่างประเทศก็ยังให้ความสนใจเช่นกัน
แฟรนไชส์สายไหม ดำเนินการภายใต้แบรนด์ “KUMO” ก่อตั้งโดย “คุณอานนท์ นิลโสภณ” เริ่มต้นธุรกิจจากการขายสายไหมหน้าโรงเรียน เป็นสายไหมธรรมดาเหมือนสายไหมงานวัดทั่วไป ตอนนั้นขายราคา 10-15 บาท สามารถสร้างยอดขายต่อวันถึง 100 ไม้ โดยในขณะนั้นคิดจะขายเล่นๆ เป็นรายได้เสริม แต่พบว่าขายดีกว่าที่คิดไว้ จึงอยากลงทุนจริงจัง แต่การขายหน้าโรงเรียนทำให้สร้างรายได้เฉพาะช่วงเปิดเทอมเท่านั้น เมื่อปิดเทอมก็ไม่มีรายได้ จึงลองหาทำเลใหม่พร้อมกับการพัฒนาสินค้าให้แตกต่างออกไปด้วย
ในการพัฒนาสินค้าได้ทำการศึกษาเรื่องของการออกแบบสายไหมเป็นตัวการ์ตูน แต่จะทำเป็นการ์ตูนลิขสิทธิ์ก็กลัวว่าจะโดนเรื่องละเมิด จึงคิดออกแบบตัวการ์ตูนของตัวเองในที่สุด โดยเลือกทำเลขายใหม่เป็นการขายบนห้างฯ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด แต่พบปัญหาสำหรับผู้ปกครองบางท่านต้องการซื้อไปฝากลูกหลานไม่ได้ทานทันที จะใส่ถุงก็ไม่สามารถคงรูปร่างเอาไว้ได้ เพราะน้ำตาลจะละลาย กลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ต้องเก็บมาคิด จึงทำเป็นสายไหมตัวการ์ตูนใส่กระปุกในที่สุด เพราะสามารถคงรูปร่างเอาไว้ได้โดยไม่ละลาย เอื้ออำนวยให้ผู้ปกครองสามารถซื้อกลับไปฝากลูกหลานได้
วันแรกที่ทำสายไหมใส่กระปุก ทำออกมาทั้งหมด 200 กระปุกด้วยกันวางขายบนห้างฯ ปรากฎว่าผลตอบรับดีเกินคาด สามารถขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้มองเห็นโอกาสทำเงิน มีรายได้สูงถึงหลักหมื่นบาทในวันเดียว และทุกวันนี้ก็มีรายได้จากการขายสายไหมกระปุกสูงถึงหลักหมื่นต่อวัน จากนั้นจึงต่อยอดและพัฒนามาเป็นแฟรนไชส์สายไหมในภายหลัง จากผลตอบรับที่ดีต่อเนื่อง ราคาขายอยู่ที่ 50-65 บาท ซึ่งจะสูงกว่าสายไหมทั่วไป เพราะใช้น้ำตาลเยอะกว่า เพื่อขึ้นรูปให้เป็นตัวการ์ตูน และรสชาติยังทำจากน้ำผลไม้หลายรส ไม่ใช่แค่เติมสีหรือเติมกลิ่นลงไป
กลุ่มลูกค้าของสายไหมแบรนด์ KUMO มีทั้งวัยรุ่น กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มผู้ปกครองที่ต้องการซื้อกลับไปฝากลูกหลาน จำนวนหนึ่งพบว่ามีการอวดผ่านโซเชียลฯ จำนวนมาก ทำให้สายไหมแบรนด์ KUMO เป็นที่รู้จักภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีลูกค้าต่างประเทศให้ความสนใจด้วย แต่เพราะสินค้าไม่สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานรองรับต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศหรือต่างจังหวัด จึงยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการยืดอายุการเก็บรักษาอยู่ รองรับการส่งออกในอนาคต ปัจจุบันสายไหม KUMO สามารถเก็บได้เพียง 1 สัปดาห์นอกตู้เย็น และสามารถเก็บได้ 1 เดือนในตู้เย็น
ต่อมา KUMO ได้พัฒนาธุรกิจโดยการเปิดขายแฟรนไชส์สายไหมสำหรับผู้สนใจร่วมลงทุน มีทั้งหมด 3 แพ็คเกตด้วยกัน โดยในรายละเอียดของแฟรนไชส์สายไหมก็จะแตกต่างกันออกไป
รายละเอียดแฟรนไชส์สายไหม KUMO
รูปแบบที่ 1 ราคา 69,000 บาท
เครื่องปั่นสายไหม 1 เครื่อง
โลโก้ร้าน 1 อัน
ป้ายเมนู 1 อัน
สติกเกอร์โลโก้ 300 ดวง
อุปกรณ์สำหรับใส่น้ำตาล 1 ชุด น้ำตาล 9 สี จำนวน 80 กิโลกรัม
ไม้ปั่นสายไหม 300 ไม้
แก้วใส่สายไหม 300 แก้ว
รูปแบบที่ 2 ราคา 79,000 บาท
เครื่องปั่นสายไหม 1 เครื่อง
โลโก้ร้าน 1 อัน
ป้ายเมนู 1 อัน
สติกเกอร์โลโก้ 500 ดวง
อุปกรณ์สำหรับใส่น้ำตาล 1 ชุด น้ำตาล 9 สี จำนวน 100 กิโลกรัม
ไม้ปั่นสายไหม 500 ไม้
แก้วใส่สายไหม 500 แก้ว
ร้านแบบคีออสก์ 1 ร้าน และชั้นตั้งสินค้า 1 ตัว
รูปแบบที่ 3 ราคา 95,000 บาท
เครื่องปั่นสายไหม 1 เครื่อง
โลโก้ร้าน 1 อัน
ป้ายเมนู 1 อัน
สติกเกอร์โลโก้ 1,000 ดวง
อุปกรณ์สำหรับใส่น้ำตาล 1 ชุด น้ำตาล 9 สี จำนวน 150 กิโลกรัม
ไม้ปั่นสายไหม 1,000 ไม้
แก้วใส่สายไหม 1,000 แก้ว
ร้านแบบตู้กระจก และชั้นตั้งสินค้า 1 ตัว
ข้อมูลติดต่อแฟรนไชส์สายไหม KUMO
โทรศัพท์ : 095 635 2987
Facebook : https://www.facebook.com/kumo.cottoncandy
หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : สายไหม KUMO