ตามตำราศาสตร์แพทย์แผนจีน “น้ำผึ้ง” ถือเป็นยาวิเศษที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้น โดยมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายนานาประการ อาทิ การปรับสมดุลให้กับร่างกาย การช่วยให้อวัยวะภายในทำงานได้ดีขึ้น การรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ การบรรเทาอาการท้องเสีย การรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อีกทั้งยังช่วยชะลอวัยและบำรุงผิวพรรณ
เนื่องจากน้ำผึ้งมีสารประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วย ป้องแสงแดดและรังสี UV และยังมีสารที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงเนียนนุ่มยิ่งขึ้นอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจ หากน้ำผึ้งจะกลายมาเป็นสินค้าที่หาได้ง่ายมากกว่าน้ำตาลตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในจีน เพราะนอกจากชาวจีนจะเป็นหนึ่งในชาติที่รักสุขภาพมากที่สุดชาติหนึ่งของโลกแล้ว ยังเป็นชาติที่มีกำลังซื้อสูงมากอีกเช่นกัน
“น้ำผึ้ง” เป็นหนึ่งในสินค้าที่ชาวจีนนิยมซื้อกันเป็นอย่างมาก โดยแต่ละปีจะมีการบริโภคน้ำผึ้งถึง 300,000 ตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 3 เท่าของปริมาณน้ำผึ้งที่จีนส่งออก โดยที่จีนมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน จีนจึงถือเป็นตลาดน้ำผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญต่อสุขภาพกันมากขึ้น รวมถึงประชากรชาวจีนมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิถีชีวิตของชนชั้นกลางจึงมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพมากขึ้น ชาวจีนส่วนใหญ่ จึงหันมาตระหนักถึงการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ทำไมไทยจึงมีโอกาศในการตีตลาดน้ำผึ้งจีน?
แม้จีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถผลิตน้ำผึ้งออกมาได้มากที่สุดในโลก แต่ผู้บริโภคชาวจีน กลับนิยมบริโภคน้ำผึ้งนำเข้ามาจากต่างประเทศมากกว่า เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าในประเทศจีนมีการผลิต น้ำผึ้งปลอมหรือน้ำผึ้งที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเป็นจำนวนมาก โดยน้ำผึ้งปลอมเหล่านี้ถูกทำขึ้นจากน้ำ ผสมน้ำตาล แป้ง สารส้ม และสี โดยไม่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งจริง ๆ แม้แต่หยดเดียว ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนมีความกังวลและไม่มั่นใจในสินค้าท้องถิ่น จึงหันมาให้ความสนใจกับการซื้อน้ำผึ้งจากประเทศอื่นๆ ซึ่งมีคุณภาพดีมากกว่า และมีมาตรฐานกว่าสินค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะน้ำผึ้งจากประเทศไทยที่มีราคาไม่สูง แต่คุณภาพดี และมีรสชาติโดดเด่น
ตลาดน้ำผึ้งของไทย
ไทย ถือเป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้งที่มีศักยภาพอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงผึ้ง ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำผึ้งได้ตลอดปี โดยไทยได้ถูกจัดลำดับให้เป็นแหล่งผลิตน้ำผึ้งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และอันดับที่ 36 ของโลก ไทยจึงมีศักยภาพมากพอ ในการผลิตน้ำผึ้ง เพื่อจำหน่ายในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างประเทศจีนได้ โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา “น้ำผึ้ง” ถือเป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตร ที่มีความสำคัญต่อการนำเข้า และส่งออกของไทย โดยน้ำผึ้งสามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยมีการผลิตน้ำผึ้งหลัก ๆ อยู่ 3 ประเภท ได้แก่
- น้ำผึ้งดอกลำไย จะมีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ มีรสที่หวานกำลังดี ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของประเทศคู่ค้า และเป็นสินค้าที่มีราคาสูง ซึ่งไทยก็ยังเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตน้ำผึ้งดอกลำไยเพียงไม่กี่แห่งในโลก
- น้ำผึ้งป่า ได้มาจากการเลี้ยงผึ้งด้วยดอกสะเดา และดอกสาบเสือ น้ำผึ้งป่าจะมีรสชาติหวานต้นขมปลาย มีกลิ่นหอม แต่สีจะไม่เข้มเท่ากับน้ำผึ้งดอกลำไย
- น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ และดอกทานตะวัน มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีสีน้ำตาลเหลืองและมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ โดยแหล่งเลี้ยงผึ้งสำคัญของไทยจะอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศ อาทิ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงผึ้งที่สำคัญของประเทศ และใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความนิยมในการบริโภคน้ำผึ้งไทยของชาวจีน ยังสามารถเห็นได้จากการซื้อของฝากของนักท่องเที่ยวจีนที่มาในไทย โดยมักจะซื้อน้ำผึ้งกลับกันไปเป็นจำนวนมาก จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะหาช่องทางในการส่งออกน้ำผึ้งไปยังประเทศจีน โดยในปัจจุบันได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงไทยกับจีนตอนใต้ “R3A” ที่จะสามารถเชื่อมจากภาคเหนือของไทย ไปยังคุนหมิง และต่อไปยังเฉิงตูได้ โดยเส้นทาง R3A นี้ ถือเป็นเส้นทางการขนส่งระหว่างไทยกับจีนที่สั้น และรวดเร็วที่สุดในการขนส่งสินค้าเกษตร จึงเป็นข้อดีของเกษตรกรไทยที่สามารถเลือกใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนได้
»» ความต้องการน้ำผึ้งของผู้บริโภคชาวจีนยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไทยถือเป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพมากพอทั้งในด้านปริมาณ และด้านคุณภาพ เนื่องจากไทยมีปัจจัยเอื้ออำนวยในการขยายการผลิตน้ำผึ้งหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความอุดมสมบูรณ์ของพืช อาหาร ความชำนาญของแรงงานในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้ง และปัจจัยสนับสนุนของนโยบายรัฐบาลในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาผึ้งและผลิตภัณฑ์ จึงทำให้ไทยมีข้อได้เปรียบในการผลิตน้ำผึ้งได้ในปริมาณมาก และมีคุณภาพสูง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดกลยุทธ์และพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด เช่น ผู้บริโภคชาวจีนมีเกณฑ์ในการเลือกบริโภคน้ำผึ้งที่มีความหวานพอดี มีเนื้อสัมผัสเหนียวแต่ไม่ข้นจนเกินไป และเนื่องจากผู้บริโภคน้ำผึ้งส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าให้มีความสวยงาม มีความง่ายต่อการใช้งาน จะยิ่งส่งเสริมให้สินค้าขายได้ดีขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับคุณภาพ และมาตรฐานให้มากที่สุด เพื่อให้สินค้าไทยนั้นสามารถขยายตลาดออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างยั่งยืน
cr. – globthailand.com