20 เหตุผลที่ควรระวังทำให้คุณ “ไม่เริ่มต้นธุรกิจสักที”

Business takes time. เป็นประโยคที่เป็นความจริงและยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ธุรกิจต้องใช้เวลาในการเติบโตและด้วยปัจจัยที่หลากหลายทำให้ธุรกิจส่วนมากล้มเหลว

การทำธุรกิจคือการวิ่งมาราธอนคอยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เข้ามา เมื่อมองดูผลลัพธ์และอัตราส่วนระหว่างผู้ที่ประสบความเร็จและล้มเหลวจะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ห่างกันเป็นอย่างมากทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ล้มเลิกการทำธุรกิจ และนี่คือ 20 เหตุผลที่ทำให้คุณไม่เริ่มต้นธุรกิจ

1.ไม่กล้าตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินตัว

การทำธุรกิจคือการคิดการใหญ่เมื่อคุณไม่สามารถตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินตัวของคุณได้สิ่งที่ตามมาคือความคิดที่ไม่กล้าที่จะเผชิญโลกแห่งธุรกิจ

2.เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ชัดเจนมากพอ

เป้าหมายคือสิ่งสำคัญในธุรกิจ  ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมองให้เห็นภาพเป้าหมายนั้นๆ หากเป้าหมายไม่ชัดเจนคุณจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นทำเพื่ออะไรและไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร

3.กังวลถึงสิ่งอื่นๆมากเกินไป

เมื่อคุณโฟกัสไปที่สิ่งอื่นมากเกินกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเช่น เมื่อทำธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบ ต้องหากลุ่มเป้าหมาย ต้องมีการทำบัญชีแน่นอน ต้องมีองค์กรที่ใหญ่ มีความรับผิดชอบต่อพนักงาน ทำให้คุณไม่สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้เพียงเพราะคุณคิดถึงสิ่งอื่นๆที่ยังไม่เกิดขึ้นมากเกินไป

4.คุณทำงานที่ไม่มีโอกาสทางธุรกิจ

ลองเปิดสื่อออนไลน์และหาไอเดียจากสิ่งเหล่านั้น เพราะบางครั้งในที่ทำงานที่คุณกำลังทำอยู่ได้ปิดมุมมองโลกธุรกิจของคุณทำให้คุณพลาดโอกาสทางธุรกิจไป

5.จัดลำดับความสำคัญไม่ถูกต้อง

การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆอาจทำให้คุณไม่กล้าที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เพราะด้วยเหตุผลทางด้านของเวลาที่คุณมีไม่มากพอ ฉะนั้นจัดลำดับสิ่งต่างๆใหม่และหาเวลาให้กับธุรกิจที่คุณต้องการทำ

6.พอใจกับสิ่งที่มีอยู่

การพอใจสิ่งที่มีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม  แต่หากคุณพอใจแค่ในสิ่งที่คุณมีในตอนนี้ นั่นคือการปิดโอกาสในการดำเนินกิจการธุรกิจของคุณ

7.กลัวที่จะล้มเหลว

ความล้มเหลวคือสิ่งที่อยู่คู่กับการดำเนินกิจการธุรกิจ เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความล้มเหลวพวกนั้นและใช้มันเป็นบทเรียนเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปแทนที่จะจมอยู่กับความล้มเหลวเหล่านั้น

8.ขาดความรับผิดในสิ่งที่ตัวเองผิดพลาด

เมื่อคุณผิดพลาดสิ่งสำคัญคือการรับผิดชอบต่อสิ่งเหล่านั้น หากคุณขาดความรับผิดชอบแล้วไม่มีทางที่คุณจะรับผิดชอบธุรกิจเหล่านั้นได้

9.กังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร

ในการทำธุรกิจการมีผู้คนพูดถึงธุรกิจของคุณทั้งด้านบวกและลบเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่ากลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรทำตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้และนำคำติชมต่างๆมาใช้ในการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

10.เลือกเวลาไม่ถูกต้อง

การเลือกเวลาในการเริ่มต้นธุรกิจถือเป็นสิ่งที่สำคัญ มองหาช่วงเวลาที่เหมาะสม และโอกาสที่สอดคล้องกันเพื่อให้การทำงานสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น

11.ทำแต่สิ่งที่รัก

การทำสิ่งที่ตัวเองรักหรือชื่นชอบให้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากคุณเลือกทำเฉพาะสิ่งที่รักเพียงอย่างเดียวและไม่ได้ปรับสิ่งเหล่านั้นให้เข้ากับธุรกิจของคุณสิ่งที่เกิดขึ้นคือความล้มเหลว เพราะความชื่นชอบไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าสิ่งเหล่านั้นจะสามารถสร้างกำไรได้แต่การปรับจุดเหมาะสมระหว่างธุรกิจและสิ่งที่ชื่นชอบต่างหากที่เป็นสิ่งที่กำหนดความสำเร็จของธุรกิจ

12.ไม่มุ่งมั่นมากพอ

ในบางครั้งธุรกิจจำเป็นต้องใช้ความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน หากคุณไม่มีความรู้สึกเหล่านี้มากพออาจส่งผลให้คุณไม่มีแรงจูงใจในการเริ่มต้นธุรกิจ

13.เลือกรูปแบบธุรกิจผิดพลาด

ขั้นตอนของการเลือกรูปแบบของธุรกิจถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดและการวิเคราะห์ค่อนข้างมากซึ่งหากคุณเลือกผิดอาจทำให้ธุรกิจของคุณไม่สามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพและล้มเหลวไปในที่สุด

14.คุณไขว้เขวจากจุดประสงค์หลัก

เหตุผลนี้ส่งผลต่อธุรกิจเป็นอย่างมากเมื่อไม่สามารถโฟกัสที่เป้าหมายได้แล้ว ขั้นตอนต่างๆย่อมติดขัดและขาดประสิทธิภาพ 

15.คุณไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร

สิ่งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นนั้นคือพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้าง จึงไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ส่งผลให้ธุรกิจมีข้อผิดพลาดและล้มเหลว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือหาข้อมูลอยู่เสมอทั้งในและนอกองค์กรเพื่อค้นหาสิ่งที่ธุรกิจของคุณขาดหายไป

16.คิดว่าการตลาดที่ดีมีประสิทธิภาพมากกว่าคุณภาพสินค้า

การตลาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณภาพของสินค้าหรือบริการของคุณ เพราะเมื่อการตลาดดีสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ เกิดการบริโภคสินค้าของคุณ แต่หากคุณภาพสินค้าเหล่านั้นไม่ดีพอ อาจทำให้ไม่เกิดการใช้ซ้ำและผู้บริโภคเลิกใช้ไปในที่สุด

17.คุณติดอยู่ที่การวางแผน

อาจส่งผลมาจากการกลัวความผิดพลาดทำให้คุณติดอยู่ที่ขั้นตอนการวางแผนและไม่ลงมือดำเนินการธุรกิจ แต่สิ่งสำคัญก็คือคุณจะรู้ว่าคุณผิดพลาดหรือไม่ก็ต่อเมื่อคุณเริ่มลงมือทำ

18.คุณทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว

สิ่งสำคัญของข้อนี้คือคุณต้องแยกให้ออกระหว่างงานและการใช้ชีวิต สองสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ด้วยกัน แยกให้ออกว่าสิ่งไหนคืองานและสิ่งไหนคือชีวิตของคุณ

19.ใช้เวลามากเกินไป

เมื่อคุณใช้เวลากับธุรกิจมากเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและหยุดนิ่งได้ เพราะฉะนั้นหาเวลาว่างอยู่กับครอบครัวหรือสิ่งที่รักเพื่อผ่อนคลายและค่อยกลับมาทำใหม่

20.โฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่าขั้นตอน

ผลลัพธ์จะออกมาดีก็ต่อเมื่อขั้นตอนต่างๆนั้นมีประสิทธิภาพ อย่าโฟกัสสิ่งที่จะได้รับแต่โฟกัสไปที่ขั้นตอนการทำงานของคุณ หาข้อผิดพลาดและแก้ไขพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น มองหาโอกาสการเติบโตและผลลัพธ์ที่ดีจะมาเอง

แสดงความคิดเห็น