ไอศกรีมปลาอ้าปาก “Café Aboong” แบรนด์ฮิตในเกาหลี สร้างยอดขายถล่มทลาย

ไอศกรีมปลาอ้าปาก “Café Aboong”
แบรนด์ฮิตในเกาหลี สร้างยอดขายถล่มทลาย

ไอศกรีมปลาอ้าปาก เอกลักษณ์ใหม่ที่สร้างสีสันให้กับธุรกิจอาหารทานเล่นอย่างไอศกรีมให้ดูมีสีสันที่แตกต่าง สร้างจุดขายที่โดดเด่นเป็นที่สนใจของลูกค้ากระทั่งทำยอดขายได้อย่างเหลือเชื่อกระทั่งสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือนเท่านั้น!

ไอศกรีมปลาอ้าปาก “Café Aboong” เป็นธุรกิจขนมที่มีต้นกำเนิดในประเทศเกาหลี นำเข้าครั้งแรกโดยสองคู่รัก “คุณก้องกฤช ก้องทิตยากุล” และ “คุณฐิติรัตน์ ก๊กผล” ก่อนหน้านี้คุณก้องกฤชเองเป็นนักแข่งรถ ส่วนคุณฐิติรัตน์เองมีธุรกิจของครอบครัวซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลซึ่งมีสาขาอยู่ทั้งหมด 3 สาขาด้วยกัน อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งธุรกิจร้านอาหารไทยประเภทเต้าฮวยมะพร้าวอ่อน ทำให้คุณฐิติรัตน์ค่อนข้างผูกพันธ์กับธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของที่มาธุรกิจไอศกรีมปลาอ้าปากนี้  

ไอศกรีมปลาอ้าปาก Café Aboong เกิดขึ้นจากความต้องการของทั้งสองที่อยากทำธุรกิจร่วมกัน เดิมทีคุณฐิติรัตน์เองก็มีธุรกิจอยู่แล้ว เลยอยากแยกตัวออกมามีแบรนด์เป็นของตัวเอง ทั้งสองจึงเริ่มร่วมใช้ความคิดที่อยากทำธุรกิจขึ้นมา เหตุผลที่เลือกไอศกรีมปลาอ้าปากคือความต้องการที่อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เพราะคิดว่าอาหารเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตลาดธุรกิจ เป็นสิ่งที่ขายง่ายที่สุดและเกิดการซื้อซ้ำที่ต่อเนื่องมากที่สุด ที่มาที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างของไอศกรีมปลาอ้าปากก็คือ “กระแสเกาหลี” ที่ทั้งสองมองว่าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ณ ช่วงเวลานี้

ด้วยเหตุผลที่ทั้งสองอยากทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ในกระแสเกาหลี เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่คนไทยยังคงให้ความนิยมอยู่ไม่สร่าง ไม่ว่าจะวงการบันเทิง วงการแฟชั่น หรือวงการอาหาร สังเกตได้ว่ากระแสเกาหลียังคงฮอตฮิตอย่างเต็มเปี่ยมในสังคมไทย ทำให้ทั้งสองขยันบินไปเกาหลีบ่อยเพื่อหาแรงบันดาลใจหรือหาสิ่งที่น่าสนใจมาทำเป็นธุรกิจของตัวเอง แต่แรกๆ ที่บินไปก็ยังไม่พบอะไรที่น่าสนใจ กระทั่งได้เจอกับไอศกรีมปลาอ้าปาก Café Aboong ขายอยู่หน้ามหาวิทยาลัยและมีกลุ่มวัยรุ่นต่อแถวรอซื้ออยู่ และด้วยรูปลักษณ์ของไอศกรีมซึ่งมีความน่ารักแปลกใหม่ ทั้งสองจึงลองเข้าแถวซื้อมาทานและพบว่ารสชาติก็อร่อยเป็นเอกลักษณ์ หาได้ยากที่จะมีไอศกรีมที่ไหนรสชาติแบบนี้ กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจดังกล่าวขึ้นด้วยการนำเข้าแฟรนไชส์มาไว้ในประเทศไทย

ช่วงเริ่มต้นมีอุปสรรคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการสื่อสาร เพราะทั้งสองต้องติดต่อกับเจ้าของแบรนด์ซึ่งเป็นคนเกาหลี การพูดคุยต้องผ่านล่ามตลอด บางประโยคล่ามสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริงก็ทำให้ไม่เข้าใจกัน เป็นการทำงานที่ค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญทางแบรนด์ยังไม่เคยทำการค้ากับต่างประเทศมาก่อน จึงถือเป็นเรื่องใหม่ที่ทำให้มีปัญหา จากนั้นการนำเข้าธุรกิจสู่ประเทศไทยก็มีขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องผ่าน อย. ต้องใช้เวลาในการทำเรื่องเป็นปี แต่ด้วยสัญญาที่ทำไว้กับทางเกาหลีที่ต้องเสร็จภายในไม่ถึง 4 เดือน ทำให้เกิดเป็นอุปสรรคอย่างมาก ช่วงนั้นพวกเขาต้องบินไปบินมาระหว่างไทยและเกาหลีเป็นว่าเล่น เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก ผ่านการต่อรองกับทาง อย. ในเรื่องของระยะเวลา รวมไปถึงการเช่าพื้นที่ที่ต้องเลื่อนกำหนดวันเปิดร้านมาถึง 2 รอบ เพราะเสร็จไม่ทันจริงๆ แต่ดีที่ทางเจ้าของพื้นที่เองเข้าใจจึงไม่เป็นปัญหามากนัก

สุดท้าย Café Aboong ก็เปิดทำการได้ในที่สุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 พิกัดที่ตั้งบริเวณลานหน้าห้างดิจิตอล เกตเวย์ สยาม และเพียงแค่เริ่มต้นขายในวันแรกก็พบว่าสามารถทำยอดขายได้ถล่มทลายมากๆ มีคนมารอต่อแถวซื้อจนยาวเหยียด บางส่วนตามมาจากที่เคยไปทานในประเทศเกาหลี รวมทั้งมีการตามมาจากการโปรโมทไว้ผ่านโซเชียลฯ ถึงการเปิดตัวแบรนด์นี้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกระแสมาก่อนหน้าอยู่แล้ว ทำให้การขายในวันแรกค่อนข้างวุ่นวายเพราะทั้งสองลงมือทำเองเลย โดยมีลูกจ้างช่วยเพียงหนึ่งคนในตอนนั้น ทั้งยังต้องปิดร้านก่อนเวลาเพราะทำแป้งกันไม่ทัน แต่ดีที่ลูกค้าเองก็เข้าใจว่าขายวันแรก

ในการลงทุนเริ่มต้นทั้งสองลงทุนไปกว่า 5 ล้านบาท รวมตัวร้านและอุปกรณ์ทุกอย่าง โดยวัตถุดิบทั้งหมดทางร้านเลือกนำเข้าจากเกาหลี เพื่อคุณภาพและรสชาติเหมือนกันกับต้นฉบับแบบไม่มีผิดเพี้ยน เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ลูกค้าที่เคยทานที่เกาหลีเกิดความรู้สึกแตกต่างจนกลายเป็นคำถามว่าทำไมรสชาติถึงไม่เหมือนกัน และทำให้เสียความรู้สึก ค่าแฟรนไชส์รายปีไม่มี แต่ต้องแบ่งรายได้ให้กับทางแบรนด์เดือนละ 3% ราคาขายอยู่ที่ 159 บาทต่อชิ้น เอกลักษณ์ของไอศกรีมปลาอ้าปากคือรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน เป็นไอศกรีมทานคู่กันกับวาฟเฟิล ซึ่งแป้งวาฟเฟิลเป็นแป้งนำเข้าจากเกาหลี มีลักษณะแข็งตัวทันทีไม่นิ่มเหมือนกับแป้งวาฟเฟิลทั่วไป

ข้อมูลติดต่อแฟรนไชส์ไอศกรีมปลาอ้าปาก Café Aboong
โทรศัพท์ : 0918744435
Facebook : Cafe Aboong

หมายเหตุ รูปภาพที่ใช้เป็นเพียงสื่อประกอบบทความเท่านั้น
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Facebook Café Aboong