การมีธุรกิจเป็นของตนเองคงเป็นความฝันของใครหลายๆคนครับเพราะว่าคงไม่มีใครอยากเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานให้คนอื่นตลอดชีวิต แต่การจะมีธุรกิจสักหนึ่งอย่างนั้นการเริ่มต้นถือเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะว่ามีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น การมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน มีเป้าหมายชัดเจน มีการวางแผน และศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา เป็นต้น คงไม่มีใครที่ทำแล้วอยากให้ธุรกิจล้มเหลว แต่ในบางครั้งปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆก็มักจะมาโดยที่ตั้งตัวรับแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่นเพราะว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาต้องมีการวางแผนเตรียมการรับมือเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสิ่งที่เราอยากเริ่มต้นทำสักครั้งในชีวิต เพราะการมีธุรกิจเป็นของตนเองนั้นสามารถมีอิสระในการเลือกองค์ประกอบของธุรกิจให้เป็นไปตามแนวคิดของตนเองได้ แต่การก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาใหม่จะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเพราะต้องมีในเรื่องงบประมาณการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง
ดังนั้นเราควรมีวิธีดำเนินการที่ถูกต้องและรอบคอบก็จะช่วยลดความเสี่ยงนั้น ความเสี่ยงมีอยู่รอบๆตัวทุกวันคนที่เตรียมตัวพร้อมกว่าก็จะได้เปรียบ เพราะอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็คือ คู่แข่งทางธุรกิจ และปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องเล็กน้อยและเรื่องใหญ่ บางทีการเรียนรู้ของหลายๆคนมักเลือกเรียนรู้จากความสำเร็จของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จว่าควรกระทำเช่นไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองจนในบางครั้งลืมมองด้านตรงกันข้ามที่ว่า ไม่ควรทำอย่างไรบ้างในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เพราะการหลีกเลี่ยงที่จะทำในสิ่งที่เป็นปัจจัยทำให้ธุรกิจมีปัญหานั้นต้องเริ่มต้นจากผู้จะเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ต้องรู้และเข้าใจว่าในบางเรื่องควรหลีกเลี่ยงหรือควรปรับปรุงไปในทิศทางใด เพื่อให้ธุรกิจของคุณนั้นดำเนินอยู่ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน แนวทางต่อไปนี้น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ตัวเจ้าของที่คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นได้มีโอกาสพิจารณาว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะที่ “ไม่ควรทำในการเริ่มต้นทำธุรกิจ” หรือไม่ 10 สิ่งที่ไม่ควรทำในการเริ่มต้นทำธุรกิจ
1. ไม่กลัวและกังวลว่าธุรกิจที่จะทำนั้นจะล้มเหลว ความกลัวเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการเริ่ม ไม่ว่าจะเริ่มทำสิ่งใดก็ตาม จึงทำให้ไม่กล้าที่จะเรียนรู้หรือออกนอกกรอบที่คิดว่าควรจะทำ ในเมื่อรู้แล้วว่าเรากำลังกลัวอะไร บางทีความกลัวที่ว่านี้อาจเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้กับเราในอนาคต แทนที่เราจะวิตกกังวลและคิดว่ายังไงเหตุการณ์นี้ก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ลองเปลี่ยนเป็นการเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นดีกว่า เพราะยิ่งเรามั่นใจแค่ไหนว่าข้อผิดพลาดที่เรากลัวนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ยิ่งต้องหาวิธีป้องกันทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้แล้ว ยังช่วยให้เรามีมั่นใจมากขึ้นในการทำธุรกิจ และเปลี่ยนมุมมองที่มีแต่ความกลัวมาเป็นการมองโลกในแง่บวกเพื่อเริ่มต้นธุรกิจที่เรารักได้อย่างสวยงาม
2.ไม่มีการวางแผน ธุรกิจที่ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าที่ดีย่อมเหมือนเรือที่ล่องไปในทะเลที่ไร้ทิศทางเพราะขาดเข็มทิศนำทางการวางแผนเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจ เพราะจะทำให้คุณได้รู้ถึงสภาพความเป็นไปในอนาคตได้ดีกว่า และวางแนวทางได้ถูกต้อง ธุรกิจจะมีคุณภาพกว่าการทำโดยไม่มีแผนการและไม่มีจุดมุ่งหมาย นอกจากนี้ควรมีแผนสำรองไว้สำหรับรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วยก็จะทำให้ธุรกิจของคุณดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง
3. อย่ามั่นใจในตัวเองมากจนเกินไป แน่นอนอยู่แล้วว่าเราควรมีความมั่นใจในการเลือกทำธุรกิจ แต่ว่าไม่ควรมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไปจนทำให้ลืมมองสิ่งเล็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของปัญหาใหญ่ในอนาคต บางครั้งการต้องสำรวจระบบการทำงานบ้างก็อาจจำเป็น เพราะนอกจากเป็นการจัดระเบียบแนวคิดและแนวทางการทำงานใหม่ให้เป็นระบบแล้ว ยังเป็นการค้นหาต้นตอปัญหาและวางแผนป้องกันแก้ไขอีกด้วย สิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดแล้วนั้นในมุมมองของบางคนอาจจะเห็นว่ามีบางส่วนที่ไม่เหมาะสมควรแก้ไข ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของเพื่อร่วมงานถึงแม้ว่าจะเป็นลูกจ้างก็ตาม เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งในการบริหารงานเราอาจไม่ได้เข้าถึงทุกฝ่ายอย่างทั่วถึงโดยเฉพาะในระดับการผลิต พนักงานระดับล่าง การรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายจึงเป็นเกราะป้องกันให้กับธุรกิจของคุณเป็นอย่างดี ดังสุภาษิตที่ว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ก็พลั้งได้เช่นกัน
4.ไม่ควรไว้ใจคนมากจนเกินไปเพราะสนิทกัน อาจกลายเป็นพังเพราะไว้ใจกันมากจนเกินไป ทำให้ลืมเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ในการดำเนินงาน ซึ่งทำให้ธุรกิจล้มเหลวมานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนสนิท เครือญาติ คู่รัก เป็นต้น จนบางกรณีไม่ล้มเหลวเฉพาะเรื่องธุรกิจความสัมพันธ์ที่เคยดีก็ขาดสะบั้นตามไปด้วยกลายเป็นความเกลียดชังเคียดแค้นเข้ามาแทนที่ บางครั้งลุกลามใหญ่โตถึงขั้นทะเลาะวิวาทหรือหมายเอาชีวิตกันเลยก็มี เพราะในเรื่องของผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครที่ว่าสนิทกันมากๆ แล้วนั้น คุณยังไม่เคยตกในสถานการณ์ที่ลำบากย่ำแย่จึงอาจยังไม่สามารถรู้จิตใจของใครได้ดี ดังนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจกันในการทำธุรกิจควรมีขีดจำกัดการดำเนินการใดๆ ต้องยึดตามหลักการแผนการทางธุรกิจที่วางไว้ดีที่สุดความไว้ใจควรมี แต่ไม่ควรมีมากจนเกินไปจนลืมดำเนินตามแผนที่วางไว้ มิเช่นนั้นคุณอาจต้องมานั่งเสียใจในภายหลังจนในที่สุดก็ล้มเหลว
5. ไม่คิดกำจัดคู่แข่งในทางธุรกิจ การกำจัดกับการแข่งขันไม่เหมือนกันนะครับ เพราะว่าในทางธุรกิจนั้นต้องมีการแข่งขันอย่างแน่นอนอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่ว่าการกำจัดคือการทำให้พ้นทางของตัวเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะยิ่งทำให้เป็นผลเสียต่อธุรกิจในระยะยาวในแง่ของความขัดแย้งกับผู้ร่วมงานของคุณต้องถกกันด้วยเหตุผลและให้เห็นประโยชน์ของธุรกิจเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่การทำเพื่อเอาชนะผู้ร่วมงานของคุณอย่างเดียว และสำหรับคู่แข่งทางธุรกิจคุณควรเลือกแข่งกันด้วย จุดเด่น หรือคุณภาพของสินค้าและบริการ ไม่ใช่การทำทุกวิถีทางให้คู่แข่งออกจากตลาดไป เช่นการตัดราคา การใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง เพราะที่สุดแล้วธุรกิจของคุณอาจโดนกระทำในอย่างเดียวกันบ้าง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่มีการพัฒนาให้ดีขึ้นได้ มีแต่จะถดถอยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีคู่แข่งรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกในตลาด
6. ไม่หนีปัญหา เป็นความคิดที่คุณจะไม่มีทางทำธุรกิจได้สำเร็จ เพราะว่าการหนีปัญหาคือการเตรียมพร้อมเพื่อล้มเหลวต้องใช้สติที่ว่ามีปัญหาต้องเผชิญและต้องเผชิญกับมันด้วยสติ ในการทำธุรกิจนั้นคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าต้องเจอกับปัญหาต่างๆ มากมายควรคิดหาวิธีแก้ไขอย่างรอบคอบแก้ให้ตรงจุด ยกตัวอย่างเช่น การขาดสภาพคล่องทางการเงินไม่ควรรีบร้อนกู้เงินจากแหล่งเงินทุนควรแก้จากตัวคุณเองและในระบบการทำงานก่อน การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากจนเกินไปหรือไม่ ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่ามีระบบบัญชีที่ชัดเจนเหล่านี้เป็นต้น เพราะปัญหาทุกอย่างย่อมมีแนวทางในการแก้ไขเสมอ มีทางออกเสมอ คุณควรใช้สติมากกว่าการยอมเดินออกมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วปัญหาจะทำให้คุณและธุรกิจของคุณเข้มแข็ง
7. อย่าทำให้ตัวเองเป็นคนล้าหลัง ยึดติดแต่ความรู้เดิมๆ ไม่ยอมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เนื่องจากทุกวันนี้คุณต้องตามโลกและเทคโนโลยีให้ทันอย่าทำตัวเป็นคนยึดติดกับความรู้เดิมว่าดีที่สุดอยู่แล้วต้องยอมเปลี่ยนแปลงในบางเรื่องแต่ไม่ได้หมายความว่าทำตามในทุกๆ เรื่องควรรู้จักเลือกและนำมาปรับใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณเอง
8. ไม่ทำตัวเองให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลที่ทุกคนต้องหมุนตามตัวคุณเองในทุกๆเรื่อง ใครทำอะไรที่ขัดหรือแย้งกับความคิดไม่ได้ประเภทว่าฉันไม่ผิด ฉันถูกเสมอ ไม่มีทางพัฒนาได้อย่างเด็ดขาด เพราะต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราควรอยู่บนหลักของเหตุผลหัดเป็นคนยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษให้เป็น ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่านับถือและจะมีหนทางแก้ไขที่ดีตามมา
9. ไม่ให้ปริมาณอยู่เหนือคุณภาพทั้งตัวคุณเองและความคิดของลูกค้า เพราะไม่ใช่การเห็นสินค้าและบริการที่มีปริมาณมากไว้ก่อนดีกว่าการมองความมีคุณภาพของสินค้าและบริการ เพราะคุณภาพต่างหากที่สามารถทำให้ธุรกิจของคุณยั่งยืนได้หากมีแต่ปริมาณมากๆ แต่ไร้ซึ่งคุณภาพที่ดีจะได้ผลเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ดูตัวอย่างจากกระเป๋าแบรนด์เนมบางยี่ห้อ พวกเขาไม่ได้เน้นที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว ราคาแสนแพงแต่ทำไมคนยังเลือกซื้อมากกว่าของเลียนแบบจึงเป็นที่มาหนึ่งของความยั่งยืนของธุรกิจ
10. ไม่ช้า ไม่สาย ไม่มีข้ออ้าง เจ้าของธุรกิจต้องลบข้ออ้างมากมายของชีวิตให้ได้ ต้องตรงต่อเวลาเสมอ สินค้าและบริการต้องถึงลูกค้าในเวลาที่กำหนดหรือก่อนกำหนดจึงจะเรียกว่ามืออาชีพในการทำธุรกิจ หากคุณมีสารพัดข้ออ้างที่น่าจะมองว่าเป็นข้อแก้ตัวนั้นคุณก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจและกลุ่มลูกค้าก็จะเอือมระอาและเลิกซื้อสินค้าและบริการของธุรกิจของคุณในที่สุด
เมื่อคุณไม่ทำอย่างน้อย 10 สิ่งดังกล่าวนี้คุณก็จะกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่มีกิจการที่มั่นคงอยู่ได้ในวงการธุรกิจอย่าสง่างามไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ก็ตาม เพราะการสร้างธุรกิจนั้นใครๆ ก็สามารถคิดและสร้างขึ้นมาได้ทั้งนั้นแต่ว่าการทำให้ธุรกิจดำรงอยู่ได้ต่างหากที่สำคัญกว่าเพราะว่าความสำเร็จของธุรกิจคือการตั้งอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากกลุ่มลูกค้าได้นานที่สุด เพราะผลกำไรจากธุรกิจนั้นก็มาจากลูกค้าของคุณนั่นเองนอกจากเม็ดเงินแล้วการได้รับการยอมรับถือเป็นสิ่งที่นักธุรกิจปรารถนา ดังนั้นคุณจึงควรทำในทางที่คู่ควรกับการยอมรับนับถือและเชื่อใจก่อนเป็นอันดับแรกแล้วความสำเร็จต่างก็จะตามมาเอง นอกจากตัวคุณเองแล้วควรมองถึงคนหรือสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวคุณอีกด้วยเพราะนั่นคือปัจจัยในการริเริ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน สังคม สภาพแวดล้อม ภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนั้น เป็นต้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญก่อนที่ธุรกิจหนึ่งควรจะมีขึ้นมาและคงอยู่