10 บทความสร้างแรงบรรดาลใจ จากคุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม
1. Freedom is Slavery
อิสรภาพ ก็คือ การเป็นทาส ..ชีวิตในโลกทุนนิยม เรามีเงินเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งเราดำรงชีวิตต่อไม่ได้ในโลกทุนนิยมหากเราไม่มีเงิน ดังนั้น การปลดโซ่ตรวนของชีวิตจากความเป็นทาสในขั้นแรก น่าจะคือ การปลดตัวเองออกจาก ‘เงิน’ ไม่ได้หมายความว่าให้เกลียดเงิน แต่ให้เลิกเป็นทาสของเงิน โดยมาเรียนรู้ และดำเนินชีวิตในการวางเงินให้มันทำงานแทนเราตามระบบทุนนิยม …ถ้าเรามีรายได้ แบบ Passive ที่เข้ามาจาก Asset ที่เราสร้าง มากกว่า รายจ่าย ก็น่าจะถือว่า เราได้ปลดพันธนาการตัวเราออกจากการเป็นทาสของเงินในเบื้องต้นได้ …แต่ในขั้นต่อไป ผมว่ามันยากมากสำหรับมนุษย์ ก็คือ การปลดตัวเอง ออกจากการเป็นทาสของความอยาก …หยุดอยากจึงเยือกเย็น มนุษย์คนไหนทำได้บ้างล่ะ ? …ง่ายๆ ปลด อิสรภาพขั้นแรกของตัวเราออกจาก ทาสเงินให้ได้ก่อน — เราเขียนสมการใหม่ Money is Slavery ‘สำหรับผม เงินทำงานเยี่ยงทาสให้ผม ..555″
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม #ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
2 “มนุษย์ส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองสามารถชนะในทุกสงคราม”
ผู้ชนะสิบทิศ บอกตรงๆ มันเป็นสิ่งที่ยุคนี้ไม่มีแล้ว ต้องเลือกว่าเราจะเอาทิศไหน !! — คนเดี๋ยวนี้ความอดทนต่ำ ความอยากสูง อยากรวยเร็วๆ มักติดกับดักในการพยายามชนะศึกใกล้ๆ ซึ่งสุดท้ายคนเหล่านี้จะไม่เคยชนะศึกใหญ่ในชีวิตเลย ..ก็คือ มีเงินกินข้าว แต่ไม่เคยรวยนั่นแหละ …การลงทุนก็เหมือนกัน หากเรามีเงินสักก้อนที่วางไว้สู้ในศึกใหญ่ เงินก้อนนั้น อาจเป็นเงินที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดและมากกว่าเงินก้อนเล็กๆที่คุณจับจดมาตลอดทางเลยก็ว่าได้” ..ตลาดหุ้นมันตบหน้าคุณตลอด และส่วนใหญ่คุณก็พลาด ..ลองคิดใหม่ซิว่า ถ้าเราไม่ต้องชนะตลาดแต่ใช้การโตไปกับตลาดแทน ‘การออมในหุ้น ไม่ใช่เรื่องยาก เอาเรื่องตลกเล่าให้ฟัง หุ้น PTT เข้าตลาดมา 10 กว่าปี เข้ามา 30 บาท วันนี้ 300 บาท ..โตปีละเกือบเท่าตัว วันนี้ปันผลปีละ 13 บาท ..ถ้าคุณซื้อเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ราคา 30 กว่าบาทแล้วถือ รับปันผลอย่างเดียว ตอนนี้คุณก็โคตรรวยแล้ว แต่คุณรู้ไหมว่า คนส่วนใหญ่เล่น PTT แล้วขาดทุน คนที่ทำงานใน PTT เองก็นับหัวได้เลยที่ยังทนรวยถือถึงวันนี้ ..ที่คนส่วนใหญ่ไม่ผ่านน่ะ คือ ความอดทนไม่มี ..ความเข้าใจก็ไม่มี’ …ชนะใจตัวเองให้ได้ แล้วพิชิตศึกใหญ่ไปเลยครับ ลุย !!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
3 “คนที่ไม่เก่งอะไรสักอย่าง ไม่น่าจะมีนะ…มีแต่ที่ยังสู้ค้นหาตัวเองไม่พอต่างหาก”
คนเราเกิดมาต้องมีสักอย่างนึงน่ะ ที่ทำได้ดี …คนที่บอกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี เพราะไม่อยากสู้อ่ะดิ — ลองสังเกตดีๆ พวกคนที่ยิ่งเก่ง ก็ยิ่งต้องทำงานหนัก — ที่ว่าไม่เก่ง ก็เพราะแค่ไม่อยากทำงานหนักรึเปล่า ? …ไป!! ไปสู้ไป”
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
4 “เศรษฐกิจฐานความรู้ ..ก็คือ การใช้ความรู้ยกระดับชีวิต”
จริงดิ !! ความรู้ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและความกินดีอยู่ดี ? ..ใช่!! ยกตัวอย่าง สมมุติอาชีพ คุณคือคนตัดหญ้า ถ้าคุณตัดหญ้าได้มากเท่าไหร่ คุณจะได้เงินมากเท่านั้น …อย่างแรกที่แว๊บ ขึ้นมาคือ ลงแขก!! เรียกเพื่อนมาช่วยตัดแล้วแบ่งเงินกัน นี่ยุคก่อนเลย แรงงานกรูเป็นหลักแลกเงิน (โคตรเหนื่อย) …ยุคต่อมา เริ่มมีเทคโนโลยี ก็โยนกรรไกตัดหญ้าทิ้ง แล้วเอาเครื่องตัดหญ้ามาใช้แทน ก็ตัดหญ้าได้มากขึ้นโดยไม่ได้เพิ่มแรงงาน …ยุคนี้เริ่มเปลี่ยน เครื่องจักรเริ่มถูกลง แต่แรงงานขาด และ ค่าแรงก็เพิ่มขึ้น — คำถามคือ คนตัดหญ้าอย่างคุณจะแก้ปัญหาอย่างไร ? …ใช่!! ก็ใช้แรงงานน้อยลง ใช้เครื่องจักรเพิ่มขึ้น แล้ว Productivity ‘ผลผลิต ก็จะเพิ่ม’ ก็เท่ากับคนที่ทำแบบนี้ก็จะรวยขึ้น — ผมกำลังจะชี้ว่ายุคนี้ การรวยขึ้นไม่ใช่การใช้แรงงานให้หนัก แต่ต้องใช้ความคิดให้หนัก คิดว่าอย่างไรจะใช้เครื่องทุ่นแรงช่วยให้เราเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นแต่ใช้แรงเราน้อยลง ..นี่แหละแก่นของการสร้าง Wealth ที่ปรับใช้ได้กับทุกอาชีพ ต้องเริ่มคิดว่า งานที่เราทำจะเพิ่มผลผลิตหรือผลงานอย่างไร ด้วยความคิดด้วยเทคโนโลยีด้วยเครื่องทุ่นแรง ..ลองคิดดูครับ ?” (ยุคนี้การทำงานให้หนักอาจไม่ได้หมายความว่ารวยขึ้น แต่ทำงานให้ฉลาดต่างหากที่รวยขึ้น)
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
5 “ฝันให้ใหญ่ คืออะไร !!”
ลองมองไปรอบๆตัวเราจะเห็นได้ว่า คนมีมากมาย แต่คนที่สำเร็จมีน้อย , ธุรกิจมีมากมาย แต่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มีน้อย ..เคล็ดลับของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของตัวเราและธุรกิจ ก็คือ คิดให้ใหญ่ ..ถ้าคุณคิดแค่เปิดร้านกาแฟ คุณก็จะได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ..แต่ถ้าคุณจะเปลี่ยนวัฒนธรรมการกินกาแฟของคนทั้งโลก คุณจะได้ Starbucks ..ถ้าคุณแค่อยากเป็นเจ้าของร้านอาหาร คุณจะได้เป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ..แต่ถ้าคุณต้องการสร้างวัฒนธรรมการกินอาหารแบบเร่งด่วน คุณจะได้ Mcdonold ..ใช่!! ผู้ที่สำเร็จยิ่งใหญ่ เขาไม่ได้มองแค่สร้างธุรกิจเล็ก แต่เขาต้องการสร้าง อุตสากรรมใหม่ ที่เริ่มจากเล็กๆ ..ต่างกันตรง คนนึงทางเดินมันสั้น ก็ถึงที่หมายเร็วได้เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ สมใจในวันนึง ..แต่อีกคนก็แค่เดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะการสร้างอุตสาหกรรมใหม่มันเป็นเส้นทางที่ต้องเดินไกลกว่า ..วันนึงเขาก็ไปถึง และวันนั้น เขาก็คือ คนตัวเล็กๆ คนนึง ที่ก้าวไปทีละก้าว จนสร้างอุตสาหกรรมใหม่ได้สำเร็จ — ‘ครับ!! ขนาดความฝัน ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชีวิตสู่ความสำเร็จ’ ..แล้วคุณล่ะ ความฝันของคุณคืออะไร?
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
6 “คนทุกๆวัย มีวาระและเป้าหมายแต่ละช่วงในการเรียนรู้ของชีวิตที่แตกต่างกัน”
เช่น เด็กๆ ก็ช่วงการเรียนรู้โลก ..ต่อมาก็ช่วงในการเรียนรู้คนอื่น (ความรัก)..แล้วก็ช่วงในการเรียนรู้อาชีพ..แล้วก็ช่วงในการเรียนรู้โลกจริงๆ และ สุดท้าย ช่วงในการเรียนรู้ตัวเอง ..ใช่!! คนส่วนใหญ่เริ่มเรียนรู้ และรู้จักตัวเองจริงๆ เมื่อสายเกินไปแล้ว …ถ้าเราเริ่มเรียนรู้ตัวเองก่อน มันจะช่วยทำให้ทางเดินของเราชัดเจนขึ้น — ลองถามตัวเองซิว่า ตัวเรามีความสุขจากอะไร ? …เรารักใคร แล้วการแสดงความรักของเรากับคนที่เรารัก ทำอย่างไร …คุณรู้ไหมคนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่า ชีวิตต้องการเป็นอะไร หรือ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขจริงๆ …หรือแม้แต่คนรัก เราก็สื่อสารและแสดงความรักในแบบที่เขาไม่เข้าใจ” ….ตกลงไม่มีใครเข้าใจเรา เพราะขนาดเราก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง — แปลกไหม ? …หยิบกระดาษ และ ปากกา ลองคิดแล้วเขียนออกมาดูซิ !!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
7 “คุณเคยคิดไหมว่า เวลาที่เราไปถึงจุดสุดยอด หรือเป้าหมาย ก็เพื่อเราจะได้หาเป้าหมายต่อไปนะ”
ฮึม!! อย่าคิดลึก .. ประเด็นคือ ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่าเป้าหมาย มันไม่ใช่ทุกๆอย่างของชีวิต — มันเป็นเพียง ธง ที่ปักให้รู้ว่าเราเดินไปไหนเท่านั้นเอง ..เราจะประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับ และ ภูมิใจในความเป็นเรา มันควรเป็นสิ่งที่เราได้รับระหว่างทางเดินด้วย ไม่ใช่ไปมีความสุข 2 นาที บนสุดยอดเขา — ชีวิตไม่ใช่หวย ไม่ต้องลุ้น มันคือ การสนุกกับการเดินตามฝันในจุดต่างๆ ต่างหากล่ะ !!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
8 “เวลาของชีวิตคนถ้าจะมองให้ยาวมันก็ยาวนาน”
มันนานขนาดที่ว่าทำให้ลูกเศรษฐีกลายเป็นยาจกตกอับได้ และมันก็นานพอที่จะทำให้คนๆนึง กลายเป็น นักกีฬาระดับโลก กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ กลายเป็นนักบริหาร กลายเป็นเศรษฐี …และมันก็นานพอที่ลูกเศรษฐีที่ตกอับ กลับมาพลิกตัวเองให้ดี และก็นานพอที่จะทำให้คนที่สร้างตัวจนประสบความสำเร็จ กลับไปแย่เหมือนเดิมจากความหลงระเริง — แต่เวลาชีวิตมันกลับสั้นมากๆ สำหรับคนที่ไม่มีความฝัน และไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรเลย” …กลัวอะไรล่ะ ความเสี่ยง หรือ ความล้มเหลว — ชีวิตมันก็แค่การเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ !! ..ความเสี่ยงที่สุดจริงๆคือไม่เสี่ยงเลย และความล้มเหลวที่สุดคือไม่ทำอะไรเลย !!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
9 การที่เราจะทำงานน้อยหรือเยอะ มันไม่สำคัญเท่ากับว่า บริษัทหรือหัวหน้าที่เราทำงานด้วยเขา Value อะไรในตัวเรา ?
“พนักงานดีเด่นยุคนี้ !! ..วันนี้มีนิตยสารมาสัมภาษณ์ผม เกี่ยวกับ มุมมองของงานกับคนรุ่นใหม่ ..เขาบอกมาในแนวว่า ผู้ใหญ่มองว่าเด็กรุ่นใหม่ ไม่ทน ไม่สู้ ต้องการเงินเยอะ ทำงานน้อย คุณแพ้ทมองว่าไง ? — ฮึม!! ผมมองต่างนะ ผมว่ามันปกติ ใครมันอยากจะทำงานเยอะเงินน้อยล่ะ มันก็ต้องอยากงานน้อยเงินเยอะอยู่แล้ว แต่ประเด็น มันอยู่ที่เรื่องของผลงานและเวลาที่หลายคนเข้าใจผิด …การที่เราจะทำงานน้อยหรือเยอะ มันไม่สำคัญเท่ากับว่า บริษัทหรือหัวหน้าที่เราทำงานด้วยเขา Value อะไรในตัวเรา ? ..ถ้าเขา Value ที่เวลา ว่าเราทำงานหนักไหม ก็แสดงว่าเขามองเราเป็น Labor คือ ขายเวลาแลกเงิน อันนี้เหนื่อยหน่อย เพราะคุณต้องทำงานแบบเครื่องจักร …แต่ถ้าหัวหน้าเขา Value ผลงาน อันนี้แปลว่าเราเอา ผลงานแลกเงิน อันนี้ผมว่าขึ้นกับว่า เราเคยแสดงผลงานให้บริษัทหรือหัวหน้าเห็นเป็นชิ้นเป็นอันไหม ? ..ซึ่งในส่วนของ ผลงานแลกเงินนี่แหละ ที่เราจะเป็นที่จับตามองของบริษัทและหัวหน้า — มีอนาคตว่างั้น!! …คนประเภทหลังนี้ จะเป็นแนวที่บริษัทต้องการจ้างแพงๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ เราจะเริ่มเห็นความแตกต่างของคนสองกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเริ่มทุกคนมันก็เริ่มพร้อมๆ กันแหละ แต่หลังจากนั้นคนกลุ่มหลังนี้จะโตเร็ว หรือไม่ก็โดนซื้อตัว ..Step แรกนะ ลองสำรวจตัวเองว่า วันนี้งานที่เราทำ เราทำตามคำสั่ง หรือ เราช่วยหัวหน้าและบริษัทคิดว่าจะทำอะไร ? — แตกต่างมากนะ คนที่ทำตามแต่รับคำสั่งอันนี้ไม่ต้องคิด เป็นแรงงาน แบบนี้ถึงทำได้ดีทุกงานที่ได้รับก็ไม่การันตีว่าจะเจริญ เพราะแรงงาน เดี๋ยวนี้ใครก็เป็นได้ ..แต่พวกที่ช่วยบริษัทคิดโจทย์ว่าต้องทำอะไร และทำให้มันตอบสนองความต้องการลุกค้าได้ดีกว่าเดิม พวกนี้แหละ Star ….ก็ลองไปดูตัวเองแล้วค่อยๆ พัฒนาจากจุดที่เรายืนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ …สำคัญว่า วันนี้มองตัวเองให้เห็นความจริงว่าเราเป็นอย่างไรก่อน จากนั้นการพัฒนายกระดับตัวเองจะง่ายขึ้น ..ลองดูครับ !!”
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
10 “คนที่ประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐี เขาจะต้องซื้อทุกสิ่งที่อยากได้ในชีวิตหรือเปล่า ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข ?
เชื่อไหมว่า ไม่มีใครซื้อทุกอย่างที่อยากได้ในชีวิต (โลกทั้งใบเล็กกว่าความอยากของมนุษย์) ..ไม่ว่าจะรวยหรือสำเร็จแค่ไหนก็ไม่มีทางซื้อทุกอย่างที่อยากได้…ประเด็นสำคัญคือ คุณต้องบริหารความอยากและความสุขให้สมดุลย์ ..ก็เพราะจริงๆ การสนองความอยาก บางครั้งก็ไม่ใช่ความสุข การรู้จักเลือกต่างหากที่เป็นการใช้ชีวิตอย่างฉลาด ..Choice คือ สิ่งที่กำหนดชีวิตเรา!!”
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน
อ้างอิงจาก : https://www.facebook.com/pawawitstockcomment