อาชีพผู้สูงอายุหรืออาชีพหลังเกษียณของคุณคืออะไร? บางคนอาจคิดว่าทำงานมาเหนื่อยแล้วก็อยากที่จะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน กินเงินบำเหน็จบำนาญสบายๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้มีเงินเก็บเหลือกินเหลือใช้ หรือคนที่ยังมีไฟในการทำงาน ไม่อยากอยู่เฉยๆรอเงินผู้สูงอายุ ซึ่งก็ไม่ได้มากพอเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่มีแต่จะสูงขึ้น แล้วคนอายุ 45+ ปีขึ้นไปจนถึงวัยหลังเกษียณ จะยังสามารถทำอาชีพอะไรได้บ้าง?
เมื่อผู้สูงวัยครองเมืองคำถามตามมาคือ เมื่อมีผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากแล้ว ประเทศจะเป็นอย่างไร ในแง่หนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจาก
- มีผู้สูงวัยเพียง 40% ที่มีรายได้เพียงพอเลี้ยงดูตัวเองหลังเกษียณ
- รายได้ต่อหัวของไทยต่ำกว่าประเทศอื่นที่เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว โดยอยู่ที่ 5,700 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี
- รายได้หลักของผู้สูงวัยส่วนใหญ่มาจากบุตร ร้อยละ 34.7 รองลงมาคือการทำงานของผู้สูงวัยเอง ร้อยละ 31
- ประชากรวัยทำงาน ต้องรับภาระประชากรสูงวัยและวัยเด็ก ร้อยละ 51 และคาดว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 64 ในปี 2570
1.ขายของออนไลน์
ช่องทางสร้างรายได้มาแรง ยอดนิยมและไม่มีข้อจัดในการขาย ว่าจะอายุเท่าไหร เพศไหน อยู่ที่ไหนก็ขายได้ ยิ่งในปัจจุบันผู้สูงวัยเริ่มที่จะมีความสามารถในการใช้งานแอพลิเคชั่นบนมือถือ สังเกตง่ายๆอย่างน้อยก็ Facebook, Line ลองสร้างเพจขึ้นมาขายของ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากในคลิปสอนโพสต์ขายซึ่งมีอยู่มากมายไม่ต้องเสียเงินไปเรียนคอร์สให้สิ้นเปลือง ประการสำคัญของการขายของออนไลน์คือ “ต้นทุน” ไม่มีต้นทุนหน้าร้านให้เป็นภาระ ไม่จำเป็นสต็อกสินค้า ยิ่งไปเป็นตัวแทนจำหน่ายแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากโพสต์ขาย ขายได้ก็ส่งออเดอร์แล้วรอรับเงินส่วนแบ่งจากขายการ
2. ขายของตลาดนัด
แม้ตลาดนัดจะดูซบเซาลงไปบ้างจากการเข้ามามีบทบาทของธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือการค้าขายออนไลน์ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีกลุ่มคนที่ต้องการจะเห็นสินค้าจริงก่อนทำการซื้อขาย และตลาดนัดก็ยังเป็นศูนย์รวมของสินค้าหลายประเภทที่ยังตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการสินค้าหลายๆอย่างในทันทีและราคาถูก แม้ว่าจะมีขายถูกกว่าในร้านค้าออนไลน์ แต่บางคนก็ไม่อยากรอและไม่อยากจะลุ้นว่าจะได้ของดี มีคุณภาพ หรือต้องเสียเวลาเครมสินค้าอีกไหมหากได้ของชำรุดเสียหายมา ดังนั้นลองหาสินค้าที่เหมาะกับตัวมาลองขายดู ลงทุนเริ่มต้นแนะนำให้ขายเป็นร้านเล็กๆก่อน ต้นทุนก็จะมี ค่าเช่าพื้นที่ ค่าอุปกรณ์และค่าสินค้า
3. ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
สำหรับผู้สูงอายุที่พอจะมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง อาจซื้อห้องแถว ห้องเช่า หรือคอนโดสักห้องไว้เพื่อปล่อยเช่าอีกทีก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ สมัยนี้หากสามารถซื้อห้องในทำเลดี ๆ ได้ อาจสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาดีเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ย่านอโศกหรือทองหล่อ ถ้าเป็นห้องเช่าก็อาจจะเก็บค่าเช่าได้ถึงเดือนละ 9,000 – 10,000 บาท หรือถ้าเป็นห้องคอนโดก็อาจจะได้สูงถึงเดือนละ 13,000 – 15,000 บาทเลยทีเดียว รับเงินรายเดือนได้เลยสบาย ๆ แต่ย่านเหล่านี้ก็ค่อนข้างราคาสูงอยู่เหมือนกัน หากใครที่ไม่ได้มีงบประมาณสูงมาก อาจมองหาทำเลที่อยู่ชานเมืองหน่อย แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้สะดวก เช่น ย่านบางนา วงเวียนใหญ่ พญาไท ราชเทวี เป็นต้น
4. ทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญ
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นตู้หยอดเหรียญเต็มไปหมด ไม่ว่าจะตู้กดน้ำ ตู้ซักผ้า ตู้เติมเงิน หรือตู้เติมน้ำมันด้วยความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ธุรกิจนี้จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าลงทุนไม่ใช่น้อย และถ้ามองดี ๆ ธุรกิจนี้ก็เป็นอีกธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากไม่มีภาระให้ต้องคอยดูแลมากนัก จะมีก็เพียงค่าดูแลรักษาตู้ และคอยเก็บเหรียญที่หยอดเท่านั้นเอง
5. ขายประกัน
ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันภัยรถยนต์ ก็สามารถไปสมัครตัวแทนขายและเริ่มต้นอาชีพเสริมนี้ได้ สิ่งสำคัญคือทักษะในการจบการขาย การพูดจาชี้ให้เห็นความสำคัญข้อดีข้อด้อย มีทักษะในการพูดสร้างแรงจูงใจ หรือหากพูดไม่เก่งแต่ข้อมูลแน่น ลองรวบรวมความกล้า ไม่แน่มันอาจจะกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้งามๆ
6. ธุรกิจ Influencer
เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ผู้สูงวัยสามารถสร้างเป็นธุรกิจทำเงินได้ สำหรับ Influencer หรือผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น บล็อกเกอร์ ยูทูปเปอร์ อินสตราแกรมเมอร์ ซึ่งผลการวิจัยทางการตลาด The power of influencer marketing บ่งชี้ว่า จากสถิติการใช้ Influencer เพียงจำนวน 3% สามารถสร้างผลกระทบและการรับรู้บนโซเชียลมีเดียได้มากถึง 90% และการเลือกใช้ Influencer สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับแบรนด์ได้มากถึง 65% โดยเฉพาะคนยุค Millennial (อายุ 24-35 ปี) และ Gen Z (อายุ 16-23 ปี) จะค่อนข้างเชื่อถือในตัว Influencer มากกว่าแคมเปญโฆษณาราคาแพง ทำให้บริษัทโฆษณาหรือคนที่อยากทำการตลาดในกลุ่ม Gen Z Millennial หันมาจ้าง Influencer มากขึ้น เช่น กูรูความงามและแฟชั่น คนที่ชอบท่องเที่ยวและชิมอาหาร ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเกม ดนตรี ภาพยนตร์ รวมไปถึง Celebrity ด้วย
7.ทำอาหารขาย
เมนูโฮมเมดหรือเมดทูออเดอร์ เหมาะสำหรับคนที่อยากทำงานอยู่บ้านและมีฝีมือในด้านการทำอาหาร คุณอาจจะเปิดเพจหรือเว็บไซต์ เพื่อไว้เป็นช่องทางในการรับออเดอร์ อาจจะจัดทำเป็นชุดข้าวกล่องส่งขายก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
8.ซื้อแฟรนไชส์
ทางเลือกสำคัญคนที่พอมีทุนสำหรับซื้อแฟรนไชส์สักอย่างหนึ่งมาสร้างอาชีพเสริม ข้อดีของระบบแฟรนไชส์ก็คือ มีการวางระบบไว้ให้เรียบร้อยแล้วในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การขาย การตลาด อุปกรณ์ และที่สำคัญเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาสร้างแบรนด์เอง
9. ธุรกิจการเกษตร
การปลูกต้นไม้ ปลูกผัก เลี้ยงปลาสวยงาม ฯลฯ งานอดิเรกเหล่านี้สามารถพัฒนาไปเป็นธุรกิจสำหรับผู้สูงอายุได้ อาจเริ่มตั้งแต่ปลูกไว้กินเองเมื่อเหลือก็นำออกขาย ซึ่งเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันมีผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยที่พัฒนาจากงานอดิเรก จนกลายเป็นอาชีพสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
10. ธุรกิจฟรีแลนซ์ / ที่ปรึกษาให้กับองค์กรต่างๆ
ด้วยประสบการณ์ของผู้สูงวัยที่สั่งสมมายาวนาน โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะด้านและมีความน่าเชื่อถือ เช่น แพทย์ นักบัญชี นักการเงิน-การธนาคาร นักเขียน นักแปล ฯลฯ เป็นงานที่สามารถทำที่บ้าน หรือทำได้ตามเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้หลายๆ องค์กรมักจะเชิญผู้เกษียณอายุที่มีความเชี่ยวชาญกลับทำงานเป็นที่ปรึกษาในด้านต่างๆ เพราะมีประสบการณ์ในการทำงานและการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า ซึ่งการจ้างงานลักษณะนี้ เป็นหนึ่งในวิธีบริหารต้นทุนแรงงานของธุรกิจในปัจจุบัน เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับพนักงานประจำ
เบื้องต้นที่กล่าวมานั้นก็เป็นตัวอย่างของอาชีพสำหรับคนวัย 45+ ขึ้นไปหรืออาชีพผู้สูงอายุ ที่อยากทำอาชีพอิสระหรือยังอยากที่จะทำงาน ไม่อยากปล่อยให้เวลาอันมีค่าต้องหมดไป หากจะอยู่บ้านนั่งๆนอนๆชีวิตก็คงไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป