เผย 4 สินค้าอาหารนวัตกรรมที่กำลังมาแรงในสหรัฐฯ โอกาสไทยส่งออก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยสินค้านวัตกรรมอาหารในตลาดสหรัฐฯ ที่มาแรงในปี 2019 มี 4 ประเภท “สินค้าอินทรีย์ที่ผลิตในร่มด้วยระบบ hydroponic, อาหารที่มีความเป็นของแท้ดั้งเดิม,อาหารที่มีความแปลกใหม่และอาหารที่ช่วยการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร” แนะผู้ผลิต ผู้ส่งออก เรียนรู้และนำมาปรับใช้ในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารของไทยสู่ตลาดโลก

นางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า Packaged Facts ได้จัดทำรายงาน U.S. Food Market Outlook 2019 ด้วยการสำรวจนวัตกรรมอาหาร 14 ประเภท คือ ซีเรียล ลูกอมที่เป็นช็อกโกแลต คุกกี้ ขนมปังสด สลัดสดในบรรจุภัณฑ์ อาหารเย็น/อาหารจานเดี่ยวแช่เยือกแข็ง พิซซ่าแช่เยือกแข็ง ไอศกรีม/อาหารรูปแบบแปลกๆ แช่เยือกแข็ง อาหารประเภทบาร์ที่เป็นมื้ออาหาร/อาหารว่าง เนื้อสัตว์/เนื้อสัตว์ปีก เนยแข็งธรรมชาติและที่ปรุงแต่งพิเศษ อาหารว่างที่มีรสเค็ม ซุป และโยเกิร์ต เพื่อค้นหานวัตกรรมอาหารในปี 2019

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า มีนวัตกรรมอาหารใหม่ๆ 4 ประเภท ที่มีแนวโน้มเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารสหรัฐฯ ในปี 2019 ได้แก่

  1. สินค้าอินทรีย์ที่ผลิตในร่มด้วยระบบ hydroponic
  2. อาหารที่มีความเป็นของแท้ดั้งเดิม
  3. อาหารที่มีความแปลกใหม่ 4
  4. อาหารที่ช่วยการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร

ซึ่งเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ และกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ที่จะใช้โอกาสนี้ในการศึกษา และเรียนรู้ทิศทางการผลิตอาหาร เพื่อนำมาปรับใช้ในการผลิตอาหารของไทย และส่งออกไปยังตลาดโลก

สำหรับสินค้าอินทรีย์ที่ผลิตในร่มด้วยระบบ hydroponic โดยปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียและอริโซน่า เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรสำคัญส่งไปจำหน่ายทั่วสหรัฐฯ แต่มีปัญหา คือ สินค้าจากทั้งสองรัฐผลิตจากระบบเกษตรกลางแจ้งและใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทาง ขณะที่การผลิตในท้องถิ่นมีแนวโน้มเป็นการผลิตแบบยั่งยืนที่เป็นการผลิตในร่มด้วยระบบ hydroponic ที่เชื่อว่าสินค้าที่มีความปลอดภัยสูงกว่าการผลิตกลางแจ้ง และยังลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง สร้างหลักประกันอุปทานอาหารตลาดทั้งปี และอาหารมีอายุวางจำหน่ายนานกว่าสินค้าที่ถูกส่งมาจากแหล่งผลิตห่างไกล

“ปัจจุบันมี Startup จำนวนมากกำลังสร้างนวัตกรรมการผลิตอาหารในท้องถิ่น เช่น BrightFarms เจ้าของ hydroponic greenhouse farms ขนาด 1.4 แสนตารางฟุตในรัฐอิลินอยส์ เวอร์จิเนีย เพนซิลวาเนีย โอไฮโอ และเท็กซัส และ Local Roots เจ้าของ TerraFarms ปลูกพืชผักผลไม้ในตู้ขนส่งสินค้าขนาดความยาว 40 ฟุตมากกว่า 100 ตู้ทั่วประเทศ ซึ่งผู้ผลิตทั้งสองรายสามารถส่งสินค้าป้อนตลาดเครือข่ายขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ได้หลายราย”

ส่วนอาหารที่มีความเป็นของแท้ดั้งเดิม ปัจจุบันผู้บริโภคในสหรัฐฯ แสวงหาสินค้าอาหารรับประทานที่บ้าน ที่มีคุณภาพเหมือนร้านอาหาร เหมือนกับงานสร้างสรรค์ของเซฟ โดยผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นคนรุ่นหนุ่มสาว มีความต้องการอาหารที่มีความเป็นของแท้ ดั้งเดิม อย่างแท้จริงมากขึ้น ที่มาจากการปรุงแต่งของเซฟและไม่ใช่อาหารที่ผลิตในโรงงานผลิตอาหาร ทำให้ในปัจจุบัน มีการนำอาหารที่ผลิตโดยเซฟที่มีชื่อเสียง แล้วนำเข้าสู่กระบวนการแช่เยือกแข็งและติดฉลากภายใต้แบรนด์ต่างๆ และขายสินค้าด้วยการเปิดรับสมาชิก เพื่อรับบริการสั่งอาหารตามที่ต้องการส่งถึงบ้าน

ด้านอาหารที่มีความแปลกใหม่ กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยปกติผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร แต่ปัจจุบันธุรกิจรายใหม่ๆ กำลังแทรกซึมเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในสินค้าอาหารบางประเภท เช่น ไอศกรีม ที่ธุรกิจรายใหม่ได้สร้างสินค้าแปลกใหม่และได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จึงเป็นแรงกดดันให้ธุรกิจที่อยู่ในตลาดมานานต้องปรับตัว โดยสินค้าไอศกรีมรูปแบบใหม่ที่สร้างความสั่นสะเทือนในอุสาหกรรมไอศกรีมสหรัฐอเมริกา คือ Halo Top ไอศกรีมที่อุดมไปด้วยโปรตีน มีน้ำตาลและแคลลอรี่ต่ำ ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Ben & Jerry’s และ Breyers ต้องหันมาผลิตสินค้าไอศกรีมแบบเดียวกันออกมาแข่งขัน

ขณะที่อาหารที่ช่วยการทำงานของลำไส้และระบบย่อยอาหาร เป็นอีกอาหารที่กำลังเติบโต โดยผู้บริโภคสหรัฐฯ จำนวนมากให้ความสนใจต่อปัญหาการย่อยอาหารและสุขภาพของลำไส้ นำไปสู่การเติบโตของอาหารหมักดอง เช่น กิมจิ อาหารที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างการ และเครื่องดื่ม เช่น โยเกิร์ต , Kefir และ Kombucha ที่น่าสนใจ คือ ผู้ผลิตสินค้าซีเรียลรายใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Kollogg ได้เข้าสู่การผลิตสินค้าซีเรียลที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพของลำไส้และระบบย่อยอาหารแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก : CNA

แสดงความคิดเห็น