5 เหตุผล ทำไมธุรกิจออนไลน์ของคุณไม่โตเสียที ?
วันนี้ทุกธุรกิจบนโลกอินเตอร์เน็ตของคุณสามารที่จะประสบความสำเร็จและก็ประสบความล้มเหลวได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนการทำงานอย่างไรให้สำเร็จของบนโลกออนไลน์ คุณอาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์หรือเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณได้รับรายงานตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาส ยอดขายออนไลน์จะเป็นตัวชี้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคุณ เพราะการเจริญเติบโตของธุรกิจออนไลน์มีผลกระทบต่อนักลงทุนไม่ว่าจะซื้อหรือขายหุ้นในบริษัท เข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 4 แล้ว แน่นอนว่าการแข่งกันในทุกธุรกิจก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ การทำการตลาดไม่ใช่เรื่อง่ายๆดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเร่งสร้างความโดดเด่นเพื่อให้อยู่เหนือคู่แข่ง แต่ถ้าหากธุรกิจเกิดสะดุดการเติบโตเริ่มชะลอตัว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสำรวจว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของธุรกิจออนไลน์และทำให้ธุรกิจของคุณไม่เติบโตเสียที นี่คือตัวอย่าง 5 เหตุผลที่ธุรกิจของคุณไม่เติบโต
1. ยังอาศัยกลยุทธ์แบบเก่า
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ที่ใช้ในระบบการทำงานจริงๆอาจอยู่ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปก็จะต้องงัดเอากลยุทธ์ใหม่ๆเข้ามาต่อสู่แข่งขันในพื้นที่ตลาด หากยังมัวคร่ำครึดันทุรังจะใช้กลยุทธ์แบบเดิมอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การส่งอีเมล (e-mail marketing) แม้ว่าจะให้ผลตอบรับที่ดีในช่วงแรกๆ แต่หากใช้ไปเรื่อยๆอาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจไป แต่ก็ใช่ว่าจะให้เลิกใช้เสียทีเดียวอาจจะเปลี่ยนมาเสริมกลยุทธ์ SEO หรือ social media เข้าไปบ้างเพื่อสร้างความต่าง
2. คัดลอกหรือเลียนแบบคนอื่น
มันเป็นธรรมชาติที่จะคัดลอกหรือเลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ปัญหาคือว่าโอกาสในการขายและลูกค้าที่จะทำธุรกิจกับต้นฉบับ(เจ้าของไอเดีย) ไม่ใช่พวกเลียนแบบ สิ่งที่เวิร์คสำหรับคนอื่นอาจจะไม่จำเวิร์คสำหรับก็ได้ เป้าหมายของคุณคือการได้รับโอกาสจากลูกค้าในการที่จะรู้ว่าชอบและเริ่มที่จะไว้วางใจคุณ และสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากคุณยังคงลอกเลียนแบบคนอื่นเขา
3. ไม่มุ้งเป้าไปที่การสร้าง Traffic (ผู้เข้าชม)
ไม่สำคัญว่าเว็บไซต์ของคุณจะถูกออกแบบมาให้ดูดีแค่ไหน หากไม่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ ธุรกิจก็ไม่เดิน กลยุทธ์ที่จะเรียกผู้เข้าชมเว็บไซต์ คุณจะต้องมีการเขียนเนื้อหา (Content) ที่น่าสนใจ ดึงดูผู้เช้าชมโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้
4. อย่าพึ่งพาสื่อโซเชียลจนเกินไป
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาสื่อสังคม (Social media) ได้รับความนิยมในการทำธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก อย่างไรก็ตามโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โซเชียลมีเดียก็เช่นกัน จากเดิมที่เราเคยใช้บริการจากสื่อโซเชียวมีเดียแบบไม่เสียเงิน แต่ในการทำธุรกิจทุกวันนี้เราจำเป็นจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ดังนั้นจะมัวพึ่งแต่สื่อโซเชียลอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เราควรเตรียมพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์อื่นๆด้วย
5. อย่าพยายามที่จะเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” แทนการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าเป็นเรื่องที่ดีและเป็นมาตรฐานแบรนด์ทุกแบรนด์จะต้องทำ แต่ในการแนะนำสินค้าให้พยามพูดคุยเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเป็นมิตรเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขากำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน มากกว่าการทำตัวเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ จนลูกค้าเข้าไม่ถึงตัว เกิดช่องว่างระหว่างคุณกับลูกค้านั่นอาจทำให้คุณเสียลูกค้าเหล่านั้นไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.entrepreneur.com