เดิมที Supply Chain นั้นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ยุ่งยากและน่าเบื่อ แต่ครั้นเมื่อเกิด “เศรษฐกิจแบบดิจิตอล”ขึ้น ธุรกิจสามารถพัฒนา supply chain ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิตอลได้ การขยายตัวของ supply chain ทีขับเคลื่อนธุรกิจอยู่ในทุกวันนี้ ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากมาย ซึ่งจากผลการสำรวจของ SCM World ในปี 2014 พบว่า 49% ของผู้บริหาร supply chain คาดการณ์ว่า digital supply chain จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามา “interrupt” ธุรกิจภายใน 3 ปีข้างหน้า ดังนั้นเราจะเพิกเฉยกับ การบริหารจัดการ supply chain ไม่ได้อีกต่อไป และ 7 เหตุผลต่อไปนี้จะเป็นสิ่งที่ยืนยันความน่าสนใจดังกล่าว
1.Amazon กับการขนส่งสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง (One-hour delivery)
การส่งสินค้าแบบ Same-day delivery ในปีที่ผ่านมาดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะแต่ละธุรกิจพยายามแข่งขันทางด้านโลจิสติกส์ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที แต่ถ้าหากต้องการที่จะแข่งขันกับ Amazon แล้วละก็ ธุรกิจคงจะต้องคิดใหม่ทำใหม่ และต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างมากในเรื่อง Supply Chain เพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้ภายใน 1 ชั่วโมง เพราะในปีที่ผ่านมา Amazon ได้มีการสร้าง “Amazon Prime Now hubs” และ “Amazon Fresh delivery stations” ไม่ต่ำกว่า 43 แห่งในสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดประสงค์ในการขนส่งแบบ Front-door delivery ภายใน 60 นาที หรือน้อยกว่านั้น!!
2. 3D Printing
ในปัจจุบัน เทคโนโลยี “3D printing” ได้พัฒนามาเป็นทางเลือกใหม่ในการผลิต ที่สามารถช่วยให้การผลิตมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ลดเวลาในการ R&D ผลิตภัณฑ์ แต่ 3D printing จะส่งผลต่อ supply chain ได้อย่างไร ? คำตอบก็คือ หากเมื่อใดที่เราต้องการผลิตสินค้าโดยมีวัตถุดิบเป็นเพียงไฟล์ดิจิตอลและเครื่องจักรที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต การผลิตจะมีความรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ logistics และ supply chain มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น 1. การเปลี่ยนการกระจายสินค้าจากเดิมเป็นการ Push strategy หรือผลักสินค้าที่ผลิตไปยังร้านค้าต่าง ๆ มาเป็น Pull strategy โดยดึงเอาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคมาผลิตสินค้าแทน 2. เราสามารถผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น (Customized Product) 3. ลด Lead-Time และ 4. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้
3.รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Driverless cars)
รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งเดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ไม่ชื่นชอบการขับรถ แต่ไม่เพียงแค่นั้น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังส่งผลกระทบต่อ supply chain อีกด้วย จากผลการศึกษาของ McKinsey เมื่อปี 2015 พบว่า เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ supply chain และ การดำเนินการทาง logistics ในอนาคต เมื่อเรานำ เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ มาผสานกับ smart technology จะสามารถช่วยลดต้นทุนค่าแรงงาน ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้อุปกรณ์ในการผลิตรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีประสิทธิผลมากขึ้น
4. Fashion เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
คุณจำคลิปวิดีโอ the dress ได้หรือไม่ (ชุดที่ทุกคนต่างถกเถียงกันว่าชุดนี้สีอะไรกันแน่) ผลลัพธ์ที่ได้จาก Viral นี้ทำให้ยอดขายสินค้าสูงขึ้นอย่างมาก โดยคลิปวิดีโอนี้ เป็นเสมือนปรากฎการณ์ viral ของสินค้าแฟชั่น ที่มีทั้งผลดีและผลเสีย เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ บริษัทที่มี supply chain ที่แข็งแกร่ง และมีการตอบสนองอย่างทันท่วงที จะมีการเตรียมการต่อผลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต คาดการณ์และมีแผนรองรับ ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต การจัดส่งสินค้า และด้านอื่น ๆ จนทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
5.Social media เป็นที่นิยม
เมื่อเศรษฐกิจแบบดิจิตอล มาพร้อมกับสัญญาณของความต้องการแบบดิจิตอลเช่นกัน ลูกค้าจะทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทาง social media ผ่านอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือมากยิ่งขึ้น ฉะนั้น ยิ่งเราสามารถคาดการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ได้มากเท่าไหร่ ความสามารถในการเติมเต็มความต้องการของลูกค้าแบบ real–time ก็จะมากขึ้น
6.ความยั่งยืนในระยะยาว (Sustainability)
ปริมาณความต้องการทรัพยากรมีมากเกินอุปทานที่มีอยู่ วัตถุดิบต่างๆไม่ว่าจะเป็นน้ำ แร่ธาตุ น้ำมัน และแก๊ส ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับ supply chain แต่กว่าจะได้ทรัพยากรเหล่านี้มาค่อนข้างที่จะลำบาก ซึ่งในปัจจุบันพนักงานเองก็จำเป็นที่จะต้องมี skillsets ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้าน supply chain จนทำให้แรงงานขาดแคลนอยู่เสมอ ๆ ฉะนั้นความยั่งยืนของ Supply Chain กลายเป็นเรื่องที่สำคัญและนำมาหารือกันในที่ประชุมต่างๆทั่วโลก โดยผู้นำหลายคนมองว่าความยั่งยืนใน supply chain เป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระยะยาว
7.Internet of Things กำลังมาแรง
หลายบริษัทได้มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้มากขึ้น เช่น การฝังเซนเซอร์ลงไปในสินค้า ทำให้สามารถติดตาม Customer Journey ได้ เป็นต้น และทำให้เกิดความต้องการวิศวกรซอฟแวร์มากขึ้น และมักจะค้นหาและวิคราะห์คุณค่าใหม่ๆที่จะส่งมอบให้ลูกค้าอยู่เสมอ เช่น รถแทรคเตอร์ของ John Deere ได้มีการใส่อุปกรณ์เซนเซอร์เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความชุ่มชื้นและความอุณหภูมิของดิน เป็นต้น จึงอาจกล่าวได้ว่า Internet of Things (IoT) และ อุตสาหกรรม 4.0 กำลังเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจ ซึ่งหลายธุรกิจเองต่างพยายามลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น เพื่อให้สามารถส่งมอบคุณค่าต่างๆให้กับลูกค้าได้มากขึ้นตามไปด้วย
นี่เป็นเพียงเหตุผลในหลาย ๆ เหตุผลที่ทำให้ supply chain มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต กระบวนการต่าง ๆ ที่จะเป็นการสร้างและส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้ในปัจจุบัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เราคาดการณ์ไม่ถึงได้ในอนาคต การหมั่นศึกษาเรื่องราวแลเทรนด์ของ supply chain จะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจพร้อมที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก SCGLogistics