หากเราจะพูดถึงกลยุทธ์ทางการตลาดในปัจจุบันนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นหลักในการดำเนินทุกธุรกิจเลยก็ว่าได้ การตลาดจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยดึงดูดลูกค้าไม่ว่าจะเป็นรักษาลูกค้าเก่าหรือค้นหาลูกค้าใหม่ และการโปรโมทแบรนด์สินค้า ซึ่งนับว่าสำคัญมากโดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และแน่นอนว่ากลยุทธ์การการตลาดนั้นมีมากมายหลายชนิดซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะเหตุการณ์ในขณะนั้นว่าเราควรที่จะใช้การตลาดรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เป็นพื้นฐานทางการวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยและการรับมือต่อคู่แข่งนั่นก็คือ SWOT Analysis
SWOT Analysis คือเครื่องมือที่ช่วยให้เราคิด วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ โอกาสและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสามารถช่วยเจาะลึกลงไปเพื่อให้ได้ผลออกมาที่ดีที่สุด นับว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้ได้อย่างง่ายดาย ที่มาของ SWOT นั้นเป็นตัวอักษรย่อของภาษาอังกฤษ 4 ตัวด้วยกันคือ Strength, Weakness, Opportunity and Threat ซึ่งขั้นตอนของการวิเคราะห์นั้นก็ไม่ยากเลยเพียงเราแค่คิดว่าถ้าหากเราต้องทำการธุรกิจชนิดหนึ่ง อะไรบ้างที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสที่เอื้อประโยชน์และอุปสรรคที่เราต้องแก้ไขของการทำธุรกิจชนิดนั้น ในบทความนี่เราจะพูดถึงขั้นตอนการวิเคราะห์ SWOT อย่างละเอียด ซึ่งเราจะยกตัวอย่างจากการทำธุรกิจ Food Truck ร้านอาหารบนรถ ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารที่เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา สามารถเข้าไปขายได้ทุกพื้นที่
S หรือ Strength คือการวิเคราะห์ขั้นตอนการหาจุดเด่นของการทำธุรกิจนั้นๆ อะไรคือจุดเด่นของการทำธุรกิจหลังจากที่เรารู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร เราก็ควรที่จะรักษามันไว้และหาทางพึ่งจุดแข็งของเราอีกเรื่อยๆ เราขอยกตัวอย่างกรณีของธุรกิจ Food Truck ร้านอาหารบนรถ ซึ่งจุดเด่นหลักๆก็คือ เป็นร้านอาหารที่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ โดยสามารถเข้าไปถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ลูกค้าเดินเข้ามา อีกทั้งยังสะดวกไปเปิดร้านขายตามสถานที่ต่างๆได้ เช่น ตอนเที่ยงไปยังตามอาคารสำนักงาน ตอนเย็นไปยังตามโรงเรียนหรือตลาดนัด วันหยุดสุดสัปดาห์สามารถไปออกตามงานอีเว้นท์ต่างๆได้ รวมถึงต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สูงมากนัก ที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นการคิดวิเคราะห์จุดแข็งของการทำธุรกิจประเภทนี้ ซึ่งเราควรจะต้องรักษามันไว้รวมทั้งพยายามเพิ่มจุดเด่นเข้าไปอีก
W หรือ Weakness คือการวิเคราะห์ขั้นตอนการหาจุดอ่อนของการทำธุรกิจ ว่าอะไรคือจุดอ่อนโดยตรงในการทำธุรกิจของเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราควรที่จะวิเคราะห์ออกมาให้ครบถ้วนและหาทางแก้ไขมันให้ได้โดยเร็ว ตัวอย่างจุดอ่อนของการทำธุรกิจ Food Truck นั้นก็มีอยู่หลายข้อพอสมควร เริ่มตั้งแต่ด้วยความที่การทำธุรกิจประเภทนี้จะต้องทำอยู่บนรถเท่านั้น แน่นอนว่าขนาดร้านจะต้องเล็กพอสมควรจึงทำให้รับลูกค้าในปริมาณที่จำกัด รวมถึงอาจจะเสียลูกค้าไปเนื่องจากไม่มีที่ที่ให้ลูกค้านั่งรอหรือสั่งเครื่องดื่มรอระหว่างเข้าคิวซื้ออาหาร อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็อาจจะไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ถ้าเปรียบเทียบกับร้านอาหารที่มีเครื่องมือ วัตถุดิบ รวมถึงพนักงานที่เพียงต่อนั่นเอง ซึ่งทั้งสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้นจุดแข็งและจุดอ่อนล้วนเป็นเหตุผลที่มาจากปัจจัยภายในทั้งนั้น แต่อีกสองอย่างที่กำลังจะกล่าวถึงจะเป็นสาเหตุที่มาจากปัจจัยนอกซึ่งบางทีเราไม่สามารถควบคุมมันได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพลิกวิกฤติให้มาเป็นโอกาสได้หรือไม่เท่านั้นเอง
O หรือ Opportunity คือโอกาสที่เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของเรา ปัจจัยนี้จะเป็นแบบปัจจัยบวกหรือปัจจัยเสริมที่ทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จ ตัวอย่างโอกาสที่เอื้อประโยชน์ของธุรกิจ Food Truck นั่นก็คือ ความแปลกใหม่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร หมายถึงว่าด้วยรูปลักษณ์การตกแต่งร้านอยู่บนรถที่สะดุดตาโดดเด่น สามารถเป็นโอกาสที่ทำให้ลูกค้าสังเกตุร้านได้ง่ายและพร้อมที่จะเข้ามาลองของแปลกใหม่ รวมไปถึงโอกาสในการทำธุรกิจประเภทนี้ยังมีอีกเยอะเพราะว่ามันยังใหม่สำหรับคนไทยซึ่งการแข่งขันเฉพาะทางนั้นยังไม่มากมายเกินไป การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ๆอีกด้วย
T หรือ Threats คืออุปสรรคของการทำธุรกิจ แน่นอนว่ามันเป็นปัจจัยที่เกิดจากภายนอกซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถที่จะแก้ไขมันได้ อย่างเช่นฝนตกขณะที่เรากำลังขายอาหาร มีการประท้วงหรืออุบัติเหตุในบริเวณนั้นหรือแม้กระทั่งการปรับตัวของคู่แข็งที่เป็นร้านอาหารมีหน้าร้าน ซึ่งตัวอย่างของอุปสรรคในการทำธุรกิจ Food Truck ก็คือ การปรับตัวของคู่แข่ง เช่นร้านอาหารที่มีหน้าร้านมีบริการส่งอาหารตรงถึงบ้านหรือสถานที่ต่างๆ แน่นอนว่ามันเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ หรือการเติบโตของธุรกิจประเภทนี้ที่โตเร็ว ซึ่งมันสามารถทำให้การแข่งขันสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เราแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด ฉะนั้นเราควรที่จะต้องยืดหยุ่นต่อการทำธุรกิจของเราเพื่อพร้อมรับมือกับปัญหาที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
จากเนื้อหาเกี่ยวกับ SWOT ที่กล่าวมาทั้งหมดจะทำให้เราเห็นว่าเราควรคิดวิเคราะห์ขั้นตอนการทำธุรกิจให้ละเอียดถี่ถ้วน SWOT เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยให้เราสามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะเราจะสามารถเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการทำธุรกิจของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งหลังจากที่เราสามารถสรุป SWOT ของธุรกิจเราได้ทั้งหมดแล้ว เราจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดทางการตลาดเพื่อที่จะรับมือกับการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้นได้นั่นเอง
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า SWOT ของธุรกิจเรามีอะไรบ้าง ต่อไปเราก็ควรที่จะนำ SWOT เหล่านี้ไปต่อยอดทางการตลาด เริ่มจากจุดแข็งของเรา เราสามารถที่จะคงจุดแข็งของเราต่อไปได้โดยใช้การตลาดเข้ามาช่วย ตัวอย่างเช่น จุดแข็งของเราคือ สินค้าราคาถูกกว่าที่อื่น แน่นอนว่าเราควรจะใช้การตลาดในการขยายจุดแข็งนี้ของเราอออกไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเพื่อที่จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นนั่นเอง ส่วนกรณีจุดอ่อนของเราคือ สินค้าเรามีจำนวนจำกัด ของขาด เราก็ควรจะใช้การตลาดกำจัดจุดอ่อนของเรานี้ไป
ซึ่งการตลาดที่ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ควรจะเน้นไปที่ว่าสินค้าของเรามีจำนวนจำกัดเนื่องจากว่าราคาของเราถูกกว่าเจ้าอื่นแน่นอน หากเราสื่อสารออกไปแบบนี้แล้วจะทำให้ลูกค้ารับรู้เบื้องต้นว่าของมีจำนวนจำกัดหากไม่สามารถซื้อได้ก็จะเข้าใจเองว่ามาช้าจนเกินไปนั่นเอง ส่วนทางด้านโอกาสที่เอื้อประโยชน์ให้กับสินค้าของเรา เช่น หากสินค้าของเรามีราคาที่ถูกอยู่แล้ว เราก็สามารถต่อยอดได้ง่ายเพราะเรื่องราคาเป็นสิ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่นึกถึงเป็นอันดับต้นๆของการจับจ่ายซื้อสินค้า เราแค่ทำสื่อโฆษณาเพิ่มออกไปโดยการโปรโมทสินค้าของเรา มันก็จะทำให้เราได้รับผลตอบรับจากลูกค้าได้อย่างง่ายดาย
แต่ในทางกลับกันอุปสรรคของเราก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าเราขายสินค้าที่ราคาถูกมันก็ยังมีคู่แข่งที่พร้อมจะตัดราคาเราได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นวิธีที่เราควรไปต่อยอดทางการตลาดก็คือ พยายามอย่าให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าของคู่แข่ง ซึ่งวิธีการป้องกันนั้นก็เพียงแค่ว่าเราจะต้องมีการทำการตลาดที่หลากหลายยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ เช่น หากคู่แข่งใช้โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เราก็ควรที่จะที่โปรโมชั่นในลักษณะนี้ออกไปพร้อมๆกัน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อยเป็น ส่วนลด 50% ทุกชิ้น ซึ่งถึงแม้ว่ากำไรของเราอาจจะลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่เราก็ยังสามารถครองใจลูกค้าไว้ได้ ทำให้ลูกค้าไม่เปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าราคาถูกที่ใช้ทดแทนกันได้ เป็นต้น
ท้ายที่สุดนี้ SWOT ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมากในการช่วยคิด วิเคราะห์หารายละเอียดต่างๆต่อทุกสายงานธุรกิจ ไม่เพียงแค่ช่วยในการทำธุรกิจหรือการตลาด SWOT ยังสามารถช่วยเราในการทำสรุปข้อมูลต่างๆ ช่วยเราจัดระเบียบทางความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากเราที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ เราก็ควรที่จะใช้ SWOT คิดจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคให้ดีถี่ถ้วนก่อนที่เราจะเริ่มทำธุรกิจ เพื่อที่จะเสริมจุดแข็งของเราโดยใช้โอกาสที่เอื้อประโยชน์ และกำจัดจุดอ่อนต่างๆออกไป แต่ก็จำเป็นที่จะต้องคอยระวังอุปสรรคที่ไม่คาดคิดที่สามารถเกิดได้อยู่ตลอดเวลา โดยการวางแผนสำรอง แผนรับมือหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมา
อีกทั้งเรายังสามารถนำ SWOT Analysis ไปต่อยอดทางธุรกิจโดยจะมีประสิทธิภาพดีหากเราได้ทำไปต่อยอดทางการตลาด ซึ่งถ้าหากเราสามารถใช้ SWOT ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆได้นั้น มันจะสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่มีการแข่งขันทางธุรกิจสูงทั้งในตอนนี้และอนาคต เพราะฉะนั้น SWOT เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใครหลายคนยังไม่รู้ ดังนั้นเราควรที่จะรีบศึกษาเครื่องมือชนิดนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและแบ่งปันให้คนใกล้ตัว และอย่าช้าที่จะเรียนรู้เครื่องมือที่มีประโยชน์ SWOT นั่นเอง