แชร์ประสบการณ์ 10 ปี “ธุรกิจหยอดเหรียญ” ที่น่าสนใจทำ

แชร์ประสบการณ์ 10 ปี  สรุปผล “ธุรกิจหยอดเหรียญ” ที่น่าสนใจทำ

จากที่ได้ทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญประเภทต่างๆตามประสบการณ์มาเป็นสิบปี สรุปคร่าวๆได้ประมาณนี้เลยครับ ทำเลที่ลงเป็นบ้านเช่า ห้องแถวเช่ารายเดือน

อันดับที่ 1 : เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
เป็นตัวที่ทำกำไรได้เยอะที่สุด คืนทุนไวที่สุด ความจุกจิกในการซ่อมบำรุง ค่าบำรุงรักษาไม่มาก

  • ระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 1 ปีต่อเครื่อง
  • ลงทุน เครื่องละประมาณ 15,000-18,000บาท (10-13 kg พร้อมกล่องหยอดเหรียญ)
  • การซ่อมบำรุง มักจะเสียที่สุดตรงกล่องหยอด แผงวงจร เกือบทั้งหมดใข้แผงวงจรที่ใช้อุปกรณ์รุ่นเก่ากึ้ก ที่ช่างติดตั้งให้ ตามบ้านหม้อคลองถม แม้แต่ในเว็บ ซึ่งเสียง่าย  ไม่ทนต่อแรงสั่นสะเทือน ความชื่นเพราะใช้อุปกรณ์รุ่นเก่า ตรงนี้มักจะเสีย 1-2 ปีครั้ง ซ่อมครั้งละ 2,000-3,000 บาท  ปัจจุบัน ผมลองเปลี่ยนใช้แผงวงจรรุ่นใหม่ ซึ่งใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ซึ่งราคาพอๆกัน แต่ทนแรงสั่นสะเทือนและความชื้นได้ดีมาก ก็สั่งจากผู้ผลิตโดยตรงของไทย หมดปัญหาเรื่องแผงวงจรเสีย ในทุกๆ 1-2 ปี ประหยัดไปปีละ 2,000-3,000 บาท
  • อีกจุดคือ ตัวที่หยอดเหรียญ จะเสื่อมสภาพตามการใข้งาน คือหยอดแล้วคืนเหรียญ เสีย 1ปีครั้ง เปลี่ยนครั้งละ 700 บาท
  • การล้างเครื่อง ทุกครั้งที่มีการซ่อม ของผม6เดือน/ครั้ง พร้อมกับการซ่อมแซมจุดอื่น ครั้งละ 400-500 บาท

นอกนั้นไม่ค่อยมีอะไรเสีย ตัวเครื่องซักผ้าเองจะทนมาก ยี่ห้อที่แนะนำเลยคือ sharp ของญี่ปุ่น ซึ่งรูปทรงอาจไม่สวย แต่ราคาถูกและทนทานมาก แต่ช่างไม่ค่อยแนะนำ ไม่เป็นที่นิยมนำมาทำหยอดเหรียญ

สรุป : เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญยังน่าทำอยู่ ลงทุนน้อย คืนทุนไว ไม่จุกจิก ค่าซ่อมต่ำ (ปีละประมาณ 3,000-4,000 บาท/เครื่อง)

อันดับที่ 2 : ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ

  • ลงทุนตู้ละประมาณ 22,000-25,000 บาท/เครื่อง
  • ระยะเวลาคืนทุนนาน(2-4ปี) แล้วแต่ทำเล ของผมตอนนี้น่าจะได้แค่ครึ่งนึง ผ่านมา 2 ปี ทำเลคนเบาบางขานเมือง บ้านอาศัยเป็นแนวราบ
  • ค่าซ่อมบำรุงสูง เมื่อครบกำหนดเปลี่ยนไส้กรอง อุปกรณ์เมื่อเข้าปีที่ 2 เริ่มทยอยเสีย โซลินอยด์ เมมเบรน ค่าเปลี่ยนหลักพัน
  • เปลี่ยนไส้กรอง รวมค่าบริการครั้งละ 1,000บาทขึ้น (ถ้าซื้อไส้กรองของแท้มาเก็บไว้เปลี่ยนเองจะประหยัดมาก เหลือครั้งละ 200-300 บาท)
  • ตู้น้ำดื่มมีเซนเซอร์เยอะ มีการเตือนจุกจิกมาก เราควรเก็บคู่มือไว้ที่ตู้เลย และทำตาม บางทีผู้จำหน่ายก็พิมพ์คู่มือผิด งมอยู่ตั้งนาน ต้องลองกดรหัสหลายๆแบบ ถ้าเราแก้ไข รหัส error ต่างๆเบื้องต้นได้ก็ประหยัดไปเยอะ เรียกช่างมาทีนึง เตรียมไว้ 1,000 บาทเลย
  • รายได้ต่อเดือน ต่อตู้น้อยเพราะทำเลไม่ดี เดือนนึงไม่ถึงพันบาท แต่ทำเลดีๆเดือนนึง เกือบ6-7พันบาท/ตู้ รายได้มาเอามาจ่ายซ่อม

สรุป : ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญต้องดูทำเล ปริมาณคนกดต้องเยอะมาก ต้อง 100 คนขึ้นไป ถ้าน้อยไม่คุ้มค่าซ่อม ค่าซ่อมบำรุงความจุกจิกมีมาก

อันดับที่ 3 :  ตู้เติมเงินมือถือ

  • ตู้ราคาแพง คืนทุน 10 ชาติ
  • ต้องเอาเงินสดไปหมุนในระบบอีก เป็นหลายพัน ถึงหมื่น
  • แนะนำให้ลงแบบร่วมทุนกับเจ้าอื่นกินเปอร์เซนต์ พวกบุญเติมจะดีกว่า มีบริการหลังการขาย เราไม่ต้องเอาเงินสดไปเติมเงินเพิ่มในระบบ ไม่จุกจิก

อันดับที่ 4 :  ตู้ล้างอัดฉีด

  • ลงทุน 3หมื่นกว่าบาท/เครื่อง
  • ตรงนี้ต้องมีทำเลที่ดี ใกล้วินมอไซค์ ชุมชน มีสถานที่เหมาะสม ที่โล่งๆ มีลานล้าง
  • ถ้าได้ทำเลแบบนี้ น่าจะกำไรดี คนสนใจทำน้อยมากเพราะข้อจำกัดสถานที่
  • การซ่อมบำรุงก็จุกจิกพอสมควร

อันดับที่ 5 : ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ

  • ลงทุน 5หมื่น-1แสนบาท/เครื่อง
  • ระยะเวลาคืนทุน 10 ชาติ
  • ลงทุนมาก กำไรน้อย ข้อจำกัดเยอะต้องขออนุญาติห้ามสต้อคเกิน 200 ลิตร และอันตราย ต้องนำเงินสดไปหมุนซื้อน้ำมันและน้ำมันระเหยตลอดเวลาแค่คิดก่อนที่จะลงทุนสรุปได้เลยว่า “ไม่คุ้ม” เห็นตามชานเมือง ตจว. เป็นน้ำมันขวดขายหน้าร้าน ตรงนี้ยังน่าทำกว่า แค่อาทิตย์เดียวคืนทุนค่าขวดแล้ว อุปกรณ์ก็ไม่ต้องซ่อมแซม ลงทุนแค่หาขวดเปล่า วิ่งไปซื้อน้ำมันมากรอกขาย จบ กำไรขวดนึง5บาท 10บาท ซื้อสะดวกสบาย

อันดับที่ 6 : เครื่องนวดหยอดเหรียญ

  • ลงทุน 3-4หมื่นบาท
  • ระยะเวลาคืนทุน แล้วแต่ทำเล น่าจะ 1-3ปี
  • ความจุกจิกในการซ่อมบำรุงน้อย
  • เป็นตัวนึงที่มีคนทำน้อยมากๆ แต่กำไรดีมาก  จะเห็นตามปั้ม ตามที่ท่องเที่ยว ผมชอบไปใข้บริการมาก แค่ 10 บาทเอง มีอีกตัวนึงเครื่องนวดเท้า ที่มันสั่นๆ ชอบมากพวกนี้วันๆนึงมีคนใข้บริการเยอะมาก
  • การซ่อมบำรุงก็น้อย อาจตะแค่เปลี่ยนเบาะหนัง  ทำความสะอาด และที่น่าจะเสียง่ายคือตัวกล่องคอนโทรลเลอร์ ซึ่งในปัจจุบันเกือบทั้งหมดใช้แผงวงจรรุ่นเก่า ซึ่งไม่ทนทาน

ขอบคุณข้อมูลจากผู้ใช้งานเว็บ pantip ในนาม อินเดียน่า 

แสดงความคิดเห็น